Oct 30, 2009

'เวลาวิ่ง ผมอยู่ในที่สงบ' บทสัมภาษณ์ฮารูกิ มูราคามิ นักวิ่งนักเขียน


คล้ายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ที่ชาวพลพรรคจะเสาะหาข้อมูลต่างๆ และบทสัมภาษณ์ของนักเขียนที่ไว้วางใจให้เราเป็นผู้จัดแปลและจัดพิมพ์หนังสือของเธอและเขาสู่ชาวไทย มาแปลเพื่อกำนัลแด่ผู้ที่สนใจ เนื่องในโอกาสที่สำนักพิมพ์กำมะหยี่ได้ออกหนังสือ “เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง” ที่แปลจาก What I Talk About When I Talk About Running โดย ฮารูกิ มูราคามิ ไปสดๆ ร้อน พลพรรคสำนักพิมพ์กำมะหยี่ก็สอดส่ายสายตาค้นหาบทสัมภาษณ์นักเขียนใหญ่ผู้นี้ มาฝากแฟนหนังสือเช่นเคยค่ะ บทสัมภาษณ์นี้นำมาแปลจากเว็บไซต์ www.spiegel.de มีทั้งหมดสองตอน ในตอนแรกนี้ ถ้าใครสนใจอ่านบทสัมภาษณ์ในภาษาอังกฤษ คลิกไปได้เลยนะคะ >> ที่นี่

'เวลาวิ่ง ผมอยู่ในที่สงบ'

ฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนชาวญี่ปุ่นผู้ออกหนังสือบันทึกเกี่ยวกับการวิ่งเล่าให้สปีเกลฟัง เกี่ยวกับความโดดเดี่ยวของการเป็นนักเขียนและนักวิ่ง
- มิสเตอร์มูราคามิ ไม่ทราบว่าอันไหนที่ยากกว่ากัน ระหว่างการเขียนนิยายกับการวิ่งมาราธอน

ฮารูกิ มูราคามิ : การเขียนนั้นสนุก - อย่างน้อยก็ส่วนใหญ่ ผมเขียนหนังสือวันละสี่ชั่วโมง หลังจากนั้นผมออกวิ่ง ตามกฎที่วางไว้ก็คือ 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่าย แต่การวิ่ง 42.195 กิโลเมตรรวดเดียวเลยนั้นเป็นเรื่องยาก แต่มันเป็นความยากที่ผมมองหา เป็นการทรมานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผมทนรับไว้โดยคิดมาอย่างดีแล้ว สำหรับผม สิ่งนี้เป็นมุมมองที่สำคัญที่สุดของการวิ่งมาราธอน

- แล้วอย่างไหนที่รื่นรมย์กว่า ระหว่างการเขียนหนังสือจบหนึ่งเล่ม กับการวิ่งเข้าเส้นชัยในการแข่งวิ่งมาราธอน

ฮารูกิ มูราคามิ : การใส่จุดฟูลสต็อบลงในตอนท้ายของเรื่องเป็นเหมือนกับการให้กำเนิดเด็กคนหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่หาใดเปรียบไม่ได้ นักเขียนที่โชคดีคนหนึ่งอาจจะเขียนนิยายได้สิบสองเล่มในชั่วชีวิตหนึ่ง ผมไม่รู้ว่ายังเหลือหนังสือดีๆ อีกกี่เล่มในตัวผม ผมหวังว่าจะมีสักสี่หรือห้าเล่ม เวลาที่ผมวิ่งผมไม่รู้สึกถึงข้อจำกัดทำนองนั้น ผมออกหนังสือเล่มหนาสี่ปีครั้ง แต่ผมวิ่งแข่งระยะทาง 10 กิโลเมตร มินิมาราธอนและมาราธอนทุกปี ตอนนี้ผมเข้าร่วมการแข่งขันมาราธอนรวมทั้งหมด 27 ครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายในเดือนมกราคม และครั้งที่ 28 29 และ 30 จะตามมาอย่างแน่นอน

- ในหนังสือ “เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง” คุณบรรยายถึงอาชีพของคุณในฐานะนักวิ่ง และกล่าวถึงความสำคัญของการวิ่งต่องานของคุณในฐานะนักเขียน ทำไมคุณถึงเขียนงานอัตชีวประวัติเล่มนี้ขึ้นมาครับ

ฮารูกิ มูราคามิ : ตั้งแต่ผมเริ่มวิ่งเป็นครั้งแรกเมื่อ 25 ปีก่อน ในฤดูใบไม้ร่วง ปี 1982 ผมถามตัวเองว่าทำไมผมถึงตัดสินใจเลือกกีฬานี้ ทำไมผมไม่เล่นฟุตบอล ทำไมการเป็นนักเขียนที่จริงจังแบบของจริงของผมจึงเริ่มในวันที่ผมออกวิ่ง ผมเป็นคนประเภทที่จะสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ก็ต่อเมื่อผมเขียนบันทึกความคิดของผมเท่านั้น ผมได้พบว่าเวลาที่ผมเขียนถึงการวิ่ง ผมเขียนถึงตัวผมเอง

- ทำไมคุณถึงเริ่มวิ่ง

ฮารูกิ มูราคามิ : ตอนนั้นผมอยากลดน้ำหนัก ช่วงปีแรกๆ ของการเป็นนักเขียน ผมสูบบุหรี่จัด ประมาณวันละ 60 มวน เพื่อจะได้มีสมาธิดีขึ้น ฟันผมเหลือง นิ้วผมเหลือง ตอนที่ผมตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่เมื่ออายุ 33 ผมมีห่วงยางไขมันรอบสะโพก ผมเลยวิ่ง สำหรับผม การวิ่งดูเหมือนจะเหมือนจะเป็นสิ่งที่พอจะทำได้มากที่สุด

- ทำไมครับ

ฮารูกิ มูราคามิ : กีฬาแบบเล่นเป็นทีมไม่เหมาะกับผม ผมรู้สึกว่าผมจะเลือกอะไรสักอย่างได้ง่ายกว่าถ้าผมได้ทำในจังหวะความเร็วของผมเอง และเราไม่ต้องมีคู่เล่นเวลาวิ่ง ไม่จำเป็นต้องมีสถานที่พิเศษเฉพาะเหมือนเทนนิส แค่รองเท้าวิ่งคู่นึงก็พอ ยูโดก็ไม่เหมาะกับผมเหมือนกัน ผมไม่ได้เป็นนักสู้ การวิ่งระยะยาวไม่ได้เป็นเรื่องของการเอาชนะคนอื่นๆ คุณแข่งกับตัวคุณเอง ไม่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องแต่คุณจะเข้าสู่ความขัดแย้งภายใน ฉันทำได้ดีกว่าครั้งที่แล้วหรือเปล่านะ การบีบบังคับตัวเองให้ไปถึงขีดจำกัดครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นสิ่งสำคัญของการวิ่ง การวิ่งเป็นเรื่องเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดไม่เคยจากผมไปไหน ผมสามารถดูแลมันได้ เรื่องนี้พ้องต้องกันกับสิ่งที่ผมคิด

- ในตอนนั้นฟอร์มของคุณเป็นยังไง

ฮารูกิ มูราคามิ : หลังจากวิ่งไปได้ 20 นาที ผมหอบแฮ่ก ขาสั่น ตอนแรกๆ ผมรู้สึกไม่สะดวกใจเวลาคนอื่นๆ มองผมวิ่ง แต่ผมใส่การวิ่งเข้ามาในชีวิตประจำวันของผมเหมือนๆ กับการแปรงฟัน ดังนั้น ผมก็เลยก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงปี ผมก็วิ่งมาราธอน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการแข่งขันอย่างเป็นทางการก็ตาม

- คุณวิ่งจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองมาราธอนคนเดียว มีอะไรดึงดูดใจให้ทำอย่างนั้น

ฮารูกิ มูราคามิ : เอ่อ มันเป็นการวิ่งมาราธอนของแท้ เป็นเส้นทางในประวัติศาสตร์ ถึงแม้จะเป็นการวิ่งย้อนเส้นทางก็ตาม เป็นเพราะผมไม่อยากไปถึงกรุงเอเธนส์ในช่วงเวลาเร่งรีบ ก่อนหน้านั้น ผมไม่เคยวิ่งไกลเกิน 35 กิโลเมตรมาก่อน ขาและร่างกายช่วงบนของผมยังไม่แข็งแรงดี ผมไม่รู้หรอกว่าจะเจออะไร มันเหมือนวิ่งในดินแดนที่เราไม่รู้จัก

- แล้วคุณทำสำเร็จได้ยังไง

ฮารูกิ มูราคามิ : ตอนนั้นเป็นเดือนมิถุนายน อากาศร้อนมากแม้แต่ในตอนเช้าตรู่ ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยไปกรีซมาก่อน หลังจากวิ่งไปครึ่งชั่วโมง ผมถอดเสื้อ หลังจากนั้น ผมฝันถึงเบียร์เย็นๆ และนับซากหมาแมวที่นอนตายริมทาง ผมโมโหพระอาทิตย์ มันส่องแสงมาแผดเผาผมอย่างกราดเกรี้ยว ผิวของผมเริ่มมีจุดพองเล็กๆ ผมใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมง 51 นาที ก็พอใช้ได้อยู่ เมื่อผมไปถึงจุดหมาย ผมเอาสายยางฉีดน้ำรดตัวที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งและดื่มเบียร์ในฝัน เมื่อเด็กปั๊มได้ยินว่าผมเพิ่งทำอะไร เขาเอาดอกไม้มาให้ผมกำนึง

- เวลาที่ดีที่สุดของคุณในการวิ่งมาราธอนคือเท่าไหร่

ฮารูกิ มูราคามิ : 3 ชั่วโมง 27 นาที จากนาฬิกาที่ผมจับเอง ในนิวยอร์กปี 1991 หมายถึงวิ่งได้ห้านาทีต่อหนึ่งกิโลเมตร ผมภูมิใจมากเพราะตอนช่วงสุดท้ายของการวิ่ง ตอนที่วิ่งผ่านเซ็นทรัลพาร์ค เป็นช่วงเวลาที่หนักหนามาก ผมพยายามทำเวลาให้ดีกว่านั้นสองสามครั้งแต่ผมแก่ตัวลง ในระหว่างนั้น ผมเลิกสนใจเวลาส่วนตัวของผมไปเลย สำหรับผมมันเป็นเรื่องของความพอใจในตัวเองมากกว่า

- คุณมีมนตราอะไรให้ท่องเวลาวิ่งหรือเปล่าครับ

ฮารูกิ มูราคามิ: ไม่มีครับ ผมแค่บอกตัวเองนานๆ ครั้งว่า ฮารูกิ นายทำได้น่า แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้คิดถึงอะไรเลยตอนวิ่ง

- เป็นไปได้หรือครับที่จะไม่คิดถึงอะไรเลย

ฮารูกิ มูราคามิ: เวลาวิ่ง จิตใจของล้างตัวเองจนว่างเปล่า ทุกอย่างที่ผมคิดตอนวิ่งเข้าสู่ขั้นตอนการล้างนั้นด้วย ความคิดต่างๆ ที่เข้ามาในหัวผมขณะวิ่งเหมือนกับลมที่พัดเข้ามาเบาๆ เข้ามาวูบนึงแล้วหายไป และไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น

- คุณชอบฟังเพลงตอนวิ่งหรือเปล่า

ฮารูกิ มูราคามิ : เฉพาะตอนที่ผมซ้อมวิ่งเท่านั้นครับ แล้วก็เป็นเพลงร็อก ตอนนี้วงโปรดของผมคือ มานิค สตรีท พรีเชอร์ส์ เวลาผมออกวิ่งในตอนเช้าซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ผมจะโหลดครีดเดนซ์ เคลียร์ วอเตอร รีวีวอล ใส่เครื่องเล่นมินิดิสก์ เพลงของพวกเขามีจังหวะง่ายๆ และเป็นธรรมชาติ

- คุณสามารถชักจูงใจตัวเองทุกวันได้ยังไง

ฮารูกิ มูราคามิ : บางครั้งผมรู้สึกว่าอากาศร้อนเกินไปที่จะวิ่ง บางครั้งเย็นเกินไป หรือเมฆเยอะเกินไป แต่ผมก็ยังออกไปวิ่ง ผมรู้ว่าถ้าผมไม่ออกไปวิ่ง วันต่อมาผมก็จะไม่ได้ออกไปอีก การมอบหมายภาระหน้าที่ที่ไม่จำเป็นให้กับตัวเองไม่ได้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ดังนั้นร่างกายของคนจะเลิกภาวะเคยชินอย่างรวดเร็ว เราไม่ควรทำอย่างนั้น ก็เหมือนกับการเขียนล่ะครับ ผมเขียนทุกวัน จิตใจของผมจะได้ไม่เลิกเคยชิน ดังนี้ ผมจึงค่อยๆ วางมาตรฐานในทางวรรณกรรมให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ได้ เช่นเดียวกับที่การวิ่งอย่างสม่ำเสมอทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

- คุณโตมาแบบลูกคนเดียว การเขียนเป็นสิ่งที่ต้องทำคนเดียว และคุณมักจะวิ่งคนเดียว ไม่ทราบว่าสามสิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า

ฮารูกิ มูราคามิ : แน่นอนครับ ผมเคยชินที่จะอยู่คนเดียว ไม่เหมือนภรรยาของผม ผมไม่ชอบมีใครอยู่ด้วย ผมแต่งงานมา 37 ปี และมันยังเป็นศึกที่ผมจะต้องต่อสู้ด้วยอยู่ ในงานที่ผมทำก่อนหน้านี้ ผมมักจะทำงานจนถึงฟ้าสาง ตอนนี้ผมเข้านอนประมาณสามหรือสี่ทุ่ม

- ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักวิ่ง คุณเป็นเจ้าของแจ๊ซคลับในโตเกียว การเปลี่ยนแปลงในชีวิตคงจะถึงรากถึงโคนยากลำบากมาก

ฮารูกิ มูราคามิ : ตอนที่ผมมีคลับ ผมยืนหลังเคาน์เตอร์บาร์และการชวนคุยเป็นงานของผม ผมทำอย่างนั้นมาเจ็ดปี แต่ผมไม่ได้เป็นคนช่างคุย ผมสัญญากับตัวเองว่า ถ้าวันไหนผมเลิกทำงานนี้ ผมจะคุยแต่กับคนที่ผมอยากคุยด้วยจริงๆ เท่านั้น

- แล้วคุณสังเกตเห็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่หมดตอนไหนครับ

(ติดตามคำถาม-คำตอบ ในภาค 2 >> 'ผมรู้ว่าผมจะเขียนนิยาย')