Dec 20, 2011

ก้าวต่อไปของเรื่องสั้นอย่างสั้น

75 ผ่านไป หลังจากวันปิดรับต้นฉบับ "เรื่องสั้นอย่างสั้น" เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคมที่ผ่านมา ตอนนี้บรรณาธิการผู้คัดเลือกรอบแรกได้อ่านเรื่องสั้นครบหมดทุกเรื่องแล้ว รวมทั้งสิ้น 654 เรื่อง

ความเห็นเบื้องต้น คือ หลายคนที่มีแวว สามารถพัฒนาไปได้อีกไกล แต่ละคนมีจุดเด่นแตกต่างกัน บางคนเด่นเรื่องบรรยาย บางคนเด่นเรื่องพล็อต บางคนได้หมดทั้งพล็อตและลีลา แต่ที่ส่งมายาวเกินไป ก็ต้องกลับไปกระชับใหม่อีกรอบ


ลำดับต่อไปเป็น "การบ่ม" ทยอยส่งความคิดเห็นให้กับผู้เขียนทุกท่าน เพื่อให้ท่านนำไปพิจารณา ถ้าใครเห็นว่าความเห็นบรรณาธิการไม่เข้าท่า ยากไป เฉิ่ม เสร่อ เบ๊อะ รับไม่ได้ ก็บอกศาลากันไป

หากใครเห็นพ้องต้องกันกับความเห็น ก็แก้ไข ปรับส่ง เสนอกลับมาอีกรอบโดยเร็ว และอาจจะมีอีกรอบและอีกรอบ จนกว่าจะเป็นที่พอใจ
ดังนั้น ถึงแม้กระบวนการบ่มอาจจะยืดเย้อยาวนาน แต่จะไม่มีใครถูกคัดออก ทุกคนยังอยู่ในสนาม ถ้าท่านไม่คัดตัวท่านออกด้วยตัวเอง ผลงานของท่านจะได้ตีพิมพ์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าท่านมีความมานะพยายาม มีความอดทนมากขนาดไหน

อัตราความเร็วในการส่งความคิดเห็น ตอนนี้ตั้งไว้ที่ 15 เรื่องต่อวัน

คิดเลขกันนิดนึง :

654 หาร 15 = 43.6 วัน ลบวันเสาร์-อาทิตย์ออกไป ลบช่วงคริสต์มาส ลบช่วงฉลองปีใหม่ ลบช่วงตรุษจีน ลบช่วงวาเลนไทน์ น่าจะส่งให้ครบทุกคนได้ภายในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์

ขอพลังจงมีแก่ท่านทุกคน

Dec 19, 2011

สนพ. กำมะหยี่เปิดรับผู้ร่วมงานใหม่มาลองทำ Ebook ด้วยกัน

รีรอมานานหลายปี บัดนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของยุคใหม่ของการอ่าน นั่นคือ หนังสืออิเล็คทรอนิค หรือ Ebook กับเขาบ้างแล้ว

ข้อดีนั้นมีหลากหลาย สะดวกรวดเร็ว ซื้อหาที่ไหนก็ได้ ประหยัด ต้นทุนค่าพิมพ์ซึ่งเป็นต้นทุนก้อนใหญ่ที่สุดในการทำหนังสือ แถมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องตัดต้นไม้มาทำกระดาษ ข้อเสียหลักๆ คือเรื่องความปลอดภัยในการถูกคัดลอกแจกจ่ายว่อนทั่วเน็ต และอื่นๆ ที่ยังไม่รู้ เพราะยังไม่ได้รู้จักคลุกคลี

แต่ถ้าไม่ลอง เราจะรู้ได้อย่างไร ดังนั้น มาลองกัน ลองกัน

ลองกันด้วยผลงานของนักเขียนไทยก่อน และนักเขียนไทยคนแรกที่เรารู้จักพูดคุย พร้อมจะมาร่วมผจญภัยกับเรา ก็คือ คุณ 10เดซิเบล ส่วนหนังสือแปล รวมทั้งหนังสือชุดเฮียมู ตอนนี้ทางเอเยนซีลิขสิทธิ์กำลังหาข้อมูลอยู่ว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง

เพื่อเปิดหน้าใหม่ของสำนักพิมพ์ เราเริ่มต้นลองเชิงกันด้วยหนังสือสองเล่มแรกที่เราจัดพิมพ์ : คณิตศาสตร์ รส. กับ เด็กหญิงมุกประดับ



จะเปิดทั้งที ก็เปิดให้ดีๆ ไปเลย ดึงต้นฉบับมาจัดหน้าใหม่สำหรับเวอร์ชั่น Ebook โดยเฉพาะ ใส่ลิงก์ให้ข้อมูลสมบูรณ์ ใส่รูปประกอบ ให้สวยงามน่าดึงดูดใจ (กำลังคิดไกลถึงขั้น แปลเป็นภาษาอังกฤษขายไปด้วยเลยดีมั้ย)

ทีนี้ก็ถึงเรื่องทีมงาน เปิดรับทีมใหม่ไปเลยละกัน


จึงขอประกาศมา ณ ที่นี้ ว่าเรากำลังเปิดรับทีมงานใหม่ ซึ่งประกอบด้วย

๑ ผู้วาดภาพประกอบ

คุณสมบัติ :

มือเก่าหรือใหม่ไม่สำคัญ แต่ต้องอ่านเรื่องแตก จับสไตล์ของงานเขียนได้ วาดรูปให้เข้ากับสไตล์งานนั้นได้ มีอารมณ์ขัน ใจกว้างยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นๆ อดทนต่อความจู้จี้จุกจิก รักษาคำพูด ส่งงานตามกำหนด

๒ ผู้จัดเลย์เอาท์

มือเก่าหรือใหม่ไม่สำคัญ แต่ต้องอ่านเรื่องแตก จับสไตล์ของงานเขียนได้
จัดเลย์เอาท์ให้เข้ากับสไตล์งานนั้นได้ มีอารมณ์ขัน ใจกว้างยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นๆ อดทนต่อความจู้จี้ จุกจิก รักษาคำพูด ส่งงานตามกำหนด

ถ้าเป็นไปได้ อยากให้มาเป็นคู่ รู้มือ รู้ใจกันมาแล้ว เพื่อจะได้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น หรือจะส่งมาเดี่ยวๆ หรือมีคุณสมบัติ 2 in 1 เราก็ไม่เกี่ยง ขอให้มีฝีมือ มีความรับผิดชอบและมีความสนใจเรียนรู้ไปด้วยกันเป็นพอ

ผู้สนใจ แนะนำตัวและส่งผลงานของตนมาให้พิจารณาได้ที่ 1q84thai@gmail.com

Dec 7, 2011

สนพ.กำมะหยี่ แจกจริง อะไรจริง



ฉลองหนังสือลงแผง : กำมะหยี่ชวนร่วมสนุก ส่งภาพถ่าย "เฮย์-ออน-ไวย/เมือง/รัก/หนังสือ" จากร้านหนังสือ พร้อมแจ้งชื่อร้าน มาที่ 1q84thai@gmail.com สิงห์ปืนไว ๑๐ ท่านแรก รับไปเลย "สดับลมขับขาน" ส่งให้ถึงบ้านเป็นของขวัญปีใหม่


Nov 4, 2011

ด้วยรัก... ร้านหนังสือเล็ก


สวัสดีค่ะท่านเจ้าของร้านหนังสืออิสระที่นับถือยิ่ง


ทันทีที่น้ำลด สำนักพิมพ์กำมะหยี่จะจัดพิมพ์ครั้งที่ ๓ "ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย" หนังสือเลื่องชื่อของนักเขียนเรืองนาม "ฮารูกิ มูราคามิ"


ทั้งนี้ เราจะพิมพ์เพียง ๑๕๐๐ เล่ม โดยไม่ส่งหนังสือให้ผู้จัดจำหน่ายกระจายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่เราจะจัดส่งเองไปยังร้านหนังสืออิสระรายย่อยเท่านั้น


หากท่านสนใจ กรุณาติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ 1q84thai@gmail.com


หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ผูกสัมพันธ์อันดีในฐานะคนรักหนังสือเหมือนๆ กันนะคะ


ด้วยไมตรี


สนพ.กำมะหยี่

Oct 15, 2011

1Q84 บทสัมภาษณ์ Haruki Murakami: ในการตามหาสัจนิยมใหม่ (ตอนจบ)

มาแล้วค่ะ ตอนต่อของบทสัมภาษณ์เฮียมู เกี่ยวกับ 1Q84
ใครยังไม่ได้อ่านตอนแรก >> คลิกไปอ่านได้ที่นี่

บทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ The Yomiuri Shimbun/Asia News Network (Thu, Jun 25, 2009)
ภาพประกอบจาก www.japanmarkt.de และ
www.guardian.co.uk


Q : ใน "1Q84" กลุ่มที่มาจากการเคลื่อนไหวของนักศึกษาแตกเป็นกลุ่มที่มีจุดประสงค์ทางการเมืองกับกลุ่มที่แสวงหาชีวิตแบบพอเพียง กลุ่มหลังกลายเป็นองค์กรทางศาสนา อ่านแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้

HM : ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ถึงเส้นทางที่คนรุ่นเราได้เดินตามมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปีทศวรรษที่ 1960 ไม่ว่าจะอย่างไร คนรุ่นเราได้สร้างเรื่องราวใหม่ในยุคที่แนวความคิดแบบมาร์กซิสต์ได้สูญสิ้นพลังอำนาจและผ่านช่วงรุ่งเรืองกลายเป็นสิ่งที่ต้านกระแส (ของทุนนิยม)

อะไรจะสามารถเข้ามาเป็นหลักความคิดแทนที่แนวคิดแบบมาร์กซิสได้ ระหว่างการค้นหาคำตอบ พวกเขาเริ่มสนใจในลัทธิทางศาสนาที่ล้วนออกแนวไปทางนิว-เอจ “ลิตเทิลพีเพิล” เป็นสิ่งหนึ่งที่เกิดจากตรงนั้น



Q : ใครคือ “ลิตเทิลพีเพิล” ที่ผู้นำองค์การศาสนนิกายเห็นในป่าที่ยามะนะชิ นี่อาจจะเป็นปริศนาที่ชวนฉงนสงสัยที่สุดของผู้ที่อ่านวนิยายของคุณ

HM : ลิตเลิทพีเพิลมีอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณในฐานะสัญลักษณ์ของความลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายด้วยถ้อยคำได้ อาจมองได้ว่าพวกเขาเป็นเหมือนสิ่งที่มีอยู่ในจินตนาการ มีการสร้างตำนานต่างๆ ขึ้นผ่านประวัติศาสตร์หรือในความทรงจำที่ผู้คนมีร่วมกัน และพวกเขาได้ปลดปล่อยพลังของพวกมันออกมาในทันทีที่มีสถานการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ตำนานที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากสภาพผิดธรรมชาติ เช่น การระบาดของไข้หวัดนก เป็นปัจจัยที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่ง คงเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวเราเอง

นอกจากนั้น มันยังเกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องความคิดแนวนิยมจารีต เมื่อโลกวุ่นวายยุ่งเหยิงขึ้นเรื่อยๆ ลัทธิเแนวนิยมจารีตที่ได้รับการปรับให้ง่ายลงเริ่มดึงดูดผู้คนให้เข้าไปหาเรื่อยๆ การคิดด้วยตัวเองในสภาพการณ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ต้องใช้พลังมหาศาล เพราะเหตุนี้ คนส่วนใหญ่จึงหยิบยืมคำพูดสำเร็จรูปพร้อมใช้ของคนอื่นๆ มากล่าวทำราวกับตัวเองเป็นคนคิดขึ้นมา วิธีการคิดเช่นนี้มีแนวโน้มจะเชื่อมโยงกับความคิดแนวนิยมจารีต ยิ่งตอนนี้แนวคิดพวกนี้ถูกทำให้ง่ายลงยิ่งไปกันใหญ่ แนวความคิดเช่นนี้ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนัก -- มันเหมือนอาหารขยะที่ให้พลังงานชั่ววูบหนึ่งแต่ไม่มีประโยชน์กับร่างกาย ในช่วงหลังๆ นี้ การกระตุ้นคนให้สนใจเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณของตนด้วยตัวเองทำได้ยาก

Q : การเข้ามาของลัทธินิยมจารีตและโลกาภิวัฒน์ได้คืบหน้าไปพร้อมๆ กับเทคโนโลยีสารสนเทศ เรามีช่องทางเข้าสู่ข้อมูลมากมายบนอินเตอร์เน็ต และมันเปิดช่องโหว่ให้เราถูกจูงจมูกจากข้อมูลเหล่านี้

HM : จริง โลกทุกวันนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโลกในปี 1984 ตอนนั้นมีเครื่องเวิร์ดโพรเซสเซอร์แล้ว แต่ไม่มีใครมีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน เราต้องไปห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลที่ต้องการ โทรศัพท์มือถือไม่ได้มีใช้ทั่วไป เราเลยต้องรอคิวเข้าใช้โทรศัพท์สาธารณะ ตอนนั้นเราฟังแผ่นเสียงที่เล่น 33=1/3 รอบต่อนาที สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ ทุกวันนี้ ใครๆ ก็สามารถแสดงความคิดเห็นของตน - ไม่ว่าจะผิดศีลธรรมแค่ไหน - บนบล็อกและข้อความเลวร้ายของผู้ไม่ประสงค์ออกนามก็ถูกโพสต์ไปทั่วอินเตอร์เน็ต ข้อความและความคิดเห็นถูกคัดลอกตัดแปะและกล่าวซ้ำครึ่งๆ กลางๆ แล้วเล่า ความเร็วและความง่ายดายเป็นสิ่งที่ได้รับการเชิดชูสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด

ตอนที่ผมได้รับรางวัลเยรูซาเล็มในเดือนกุมภาพันธ์ (2009) ดูเหมือนว่าจะมีพายุโหมกระหน่ำในอินเตอร์เน็ต เพราะผู้คนถกเถียงกันว่าผมควรจะปฏิเสธไม่รับรางวัลนี้หรือไม่ โชคไม่ค่อยดี การถกเถียงหยุดลงโดยไม่ได้ขุดลึกลงไปว่าผมควรทำอย่างไรในตอนไปร่วมงานมอบรางวัล



Q : ในสุนทรพจน์ของคุณในงานมอบรางวัลนั้น คุณได้ใช้การอุปมาเกี่ยวกับ “ไข่กับกำแพง” คุณกล่าวว่าคุณเขียนนวนิยายเพื่อ “ดึงศักดิ์ศรีของจิตวิญญาณเหล่าปัจเจกชนขึ้นมาสู่พื้นผิวและส่องแสงลงไป”

HM : ผมเชื่อว่าหน้าที่ของนักเขียนควรจะเป็นการแต่งเรื่องที่สามารถต่อต้านความคิดนิยมจารีตและพลังลึกลับประเภทต่างๆ เรื่องจะคงอยู่ตลอดกาล -- หากเป็นเรื่องที่ดีและพบพื้นที่ในใจของคนที่ใช่

ไม่ว่าการอุปมา “ไข่กับกำแพง” ของผมจะได้รับการสรรเสริญขนาดไหน สารที่ดิบขนาดนั้นจะค่อยๆ ลดแรงกระแทกใจเมื่อมันถูกส่งกระจายไปทั่ว แต่เรื่องที่นักเขียนแต่งจะเข้าไปในจิตใจของคนจนเต็ม แม้จะไม่สามารถสร้างผลกระทบแบบทันด่วนได้ แต่มันสามารถคงอยู่ได้อีกยาวนาน ทั้งยังสามารถพัฒนาต่อไปพร้อมกับเวลาที่ผ่านผันอีกด้วย เรื่องเรื่องหนึ่งจำเป็นต้องมีพลังเพิ่มพูนยิ่งขึ้น แม้จะเป็นตอนที่อินเตอร์เน็ตท่วมท้นไปด้วย “ความคิดเห็น”

ข้อสะกิดใจหรือข้อความต่างๆ พยายามใส่ความรู้สึกที่พูดยากเกี่ยวกับจิตวิิญญาณของคนในรูปของคำที่เรียบง่าย มันจึงโดนใจคนได้ในทันที นักเขียนนวนิยายไม่ได้เป็นอย่างนั้น นักเขียนแต่งเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นมาผ่านถ้อยคำที่ใกล้เคียงกับแก่นของแนวคิดมากที่สุด และดึงสารที่ยากจะบอกออกมาด้วยการใส่รายละเอียด ผมคิดว่านี่คือความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้

นักเขียนนวนิยายได้รับความสุขใหญ่หลวงเมื่อผู้อ่านคนหนึ่งได้ค้นพบความจริงที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในถ้อยคำในนวนิยาย สิ่งที่สำคัญไม่ใช่จำนวนเล่มที่ขายได้ แต่เป็นวิธีการที่นักเขียนนวนิยายใช้ในการเข้าถึงผู้อ่าน


----

ป.ล. เพิ่งเห็นว่าเฮียเพิ่งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ The Guardian เมื่อไม่นานมานี้ เดี๋ยวพอได้ลิขสิทธิ์เล่ม ๓ มาแล้วจะแปลมาฝากนะคะ ใครใจร้อนอยากอ่านก่อนเชิญได้ >> ที่นี่

ป.ล. ๒ ตามไปอ่านสุนทรพจน์ "ไข่กับกำแพง" ได้ >> ที่นี่



Sep 14, 2011

1Q84 บทสัมภาษณ์ Haruki Murakami: ในการตามหาสัจนิยมใหม่


ทราบหรือไม่ ในกอง บ.ก. เล่ม 1Q84 ภาษาไทย มีความเห็นต่อหนังสือที่กำลังร่วมมือกันทำอยู่สองทาง แต่สองทางนี้มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ เฮียมูเปลี่ยนไป


ทางแรกบอกว่า เปลี่ยนไปในทางดีนะ ไม่ซับซ้อนเหนือจริงจนตามไม่ทัน เนื้อเรื่องอ่านง่าย มีเรื่องรัก เรื่องลุ้น เป็นแกนหลักแทรกสาระที่ต้องการสื่อทีละนิดละหน่อย ไม่โหมใส่จนคนอ่านหน้าใหม่หวาดผวา รู้สึกว่า “เข้าหาประชาชนทั่วไป” มากขึ้น

ทางที่สองเป็นทางของแฟนฮาร์ดคอร์ที่บ่นอุบอิบ มีบางอย่างหายไป มันอ่านง่ายไป ลื่นไป มันกลายเป็นเรื่องรักหวานๆ เอางานซับซ้อนอ่านยากๆ แต่อ่านสนุกอย่าง “แกะรอย แกะดาว” ของเค้าคืนมานะ

เลยไปลองหาความเห็นและที่มาของ “การเปลี่ยนไป” ในครั้งนี้ และถึงบางอ้อเมื่อไปเจอสัมภาษณ์ที่ฮารูกิ มูราคามิ ตอบคำถามของมาริโกะ โอซากิ แห่งหนังสือพิมพ์โยมิอุริ ชิมบุน ที่แปลมาฝากด้านล่างค่ะ


บทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ The Yomiuri Shimbun/Asia News Network (Thu, Jun 25, 2009)
ภาพประกอบจาก www.latimes.com



Haruki Murakami: ในการตามหาสัจนิยมใหม่

Q:ใน 1Q84 (หนึ่งคิวแปดสี่) นวนิยายขนาดยาวที่เป็นผลงานชิ้นเอกของอาชีพนักเขียนตลอดสามสิบปี มีการบรรยายภาพโลกอีกใบหนึ่งที่หลุดจากความจริงที่เรารู้จักเล็กน้อย คุณคิดพล็อตเรื่องนี้ได้อย่างไร และแก่นเรื่องของนิยายเรื่องเป็นอย่างไร

Haruki Murakami: ผมต้องการจะเขียนนิยายที่ย้อนกลับไปยังอดีตอันใกล้คล้ายๆ กับนิยายโลกอนาคต “หนึ่งเก้าแปดสี่” ของจอร์จ ออร์เวลล์ มานานแล้ว แรงบันดาลใจอีกอย่างหนึ่งของหนังสือนี้คือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกลัทธิสัจสูงสุดโอม (โอม ชินริเคียว) ผมเขียน “อันเดอร์กราวน์” (ใต้ดิน - ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1997) หลังจากสัมภาษณ์เหยื่อมากกว่า 60 คนจากการโจมตีด้วยแก๊ซซาริน (ในปี ค.ศ.1995) ในรถไฟใต้ดินที่โตเกียว และเขียน “เดอะเพลซเธทวอสโพรมิส” (ดินแดนพันธสัญญา- ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2001) หลังจากสัมภาษณ์สาวกลัทธิโอมแปดคน และแม้หลังจากนั้น ผมเข้าฟังการตัดสินคดีที่ศาลสูงเขตโตเกียวบ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้

ความขุ่นเคืองของผมต่อเหตุการณ์นี้ยังคงติดตรึงไม่อาจบรรเทาลงได้ แต่ความสนใจของผมถูกกระตุ้นจากกรณีของยาสุโอ ยาฮาชิ ที่อยู่ระหว่างการรอประหารชีวิต เขาหลบหนีไปหลังจากสังหารคนแปดคน จำนวนที่มากที่สุดในการโจมตีรถไฟใต้ดินโตเกียว ฮาราชิเข้าร่วมลัทธิโอมโดยไม่รู้แน่ชัดว่าเขากำลังเข้าไปเกี่ยวข้องกับอะไร และก่อเหตุอาชญากรรมหลังจากถูกล้างสมอง


ผมคิดว่าการตัดสินประหารชีวิตเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล เมื่อเราพิจารณาระบบการลงทัณฑ์ของญี่ปุ่นและความโกรธขึ้งและความเสียใจของครอบครัวผู้สูญเสีย แต่ลึกๆ แล้วผมไม่เห็นด้วยกับการประหารชีวิต และรู้สึกสลดหดหู่อย่างยิ่งเมื่อคำตัดสินประหารชีวิตออกมา


ในตอนนั้น ผมนึกภาพความน่ากลัวของการถูกทิ้งไว้โดดเดี่ยวอยู่อีกด้านหนึ่งของพระจันทร์ที่ซึ่งคนธรรมดาๆ คนหนึ่งได้ก่ออาชญากรรมโหดร้ายอย่างโง่เขลาและจบลงด้วยการถูกตัดสินรอการประหารชีวิต ผมครุ่นคิดถึงความหมายของเรื่องนี้มาหลายปี และเรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ผมเขียน


Q: นวนิยายเรื่องนี้ทำให้คนอ่านได้เห็นความสูงสง่าและความน่าเกลียดชังของมนุษย์ ด้วยระบบการตัดสินแบบผู้พิพากษาสมทบเพิ่งจะเริ่มขึ้น ผู้คนกลับมาพิจารณาอีกครั้งถึงความหมายของการไต่สวนคนอื่นๆ ในศาล

Haruki Murakami: เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสาวกของโอมที่เกิดขึ้นหลายครั้งทำให้เราตั้งคำถามอย่างจริงจังเกี่ยวกับคำจำกัดความของคำว่า “จริยธรรม” ที่ควรจะมีในสังคมร่วมสมัย ผมเริ่มติดตามเรื่องของลัทธิโอมมาก่อน ผมเลยสามารถกลับมาประเมินใตร่ตรองสถานการณ์ในปัจจุบันอีกครั้งในมุมที่ดีและไม่ดี

เราอยู่ในโลกที่การใช้จริยธรรมทางสังคมด้านเดียวตัดสินว่าความเห็นหรือการกระทำใดถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ทำได้ยากยิ่ง กำแพงที่กั้นผู้คนที่อาจจะประกอบอาชญากรรมและคนที่จะไม่ทำนั้นบางกว่าที่คุณคาดคิด ความจริงมีอยู่ในข้อสมมติฐานและสลับกัน มีการต่อต้านสถาบันภายในสถาบันเองและสลับกัน


ผมต้องการเขียนนิยายที่โอบล้อมระบบสังคมร่วมสมัยเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างของมัน ดังนั้นผมถึงตั้งชื่อเสียงเรียงนามให้กับตัวละครแทบทุกตัวในเรื่อง และให้รายละเอียดต่างๆ ละเอียดยิบ เพื่อที่จะใครๆ ก็ตามในหมู่พวกเราสามารถเป็นหนึ่งในตัวละครเหล่านั้นได้อย่างไม่ยากเย็น


Q: ตัวละครทุกตัวมีบาดแผลในจิตใจและมีผ่านชีวิตมืดมน แต่พวกเขาก็มีเสน่ห์ของตัวเอง พระจันทร์สองดวงกับตัวละครเหนือจริงสองคน ลิตเทิลพีเพิลและดักแด้อากาศในนิยาย แต่ผู้คนสมัยนี้ที่เคยชินกับภาพวาดด้วยคอมพิวเตอร์ผ่านภาพยนตร์และเกมคอมพิวเตอร์จะสามารถดื่มดำ่ได้อย่างง่ายดายหรือ

Haruki Murakami: สภาพจิตใจที่มีร่วมกันอย่างหนึ่งในหมู่ผู้คนในโลกร่วมสมัย คือ พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าโลกที่เห็นอยู่เป็นความจริงหรือไม่ ตึกแฝดเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ถูกถล่มราบในวันที่ ๑๑ กันยายน ค.ศ. ๒๐๐๑ ผู้ก่อการร้ายโจมตีนครนิวยอร์กในภาพที่ดูเหมือนไม่ใช่ความจริง

ภาพตึกทั้งสองพังทลายถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางคนอาจจะขาดสติชั่ววูบรู้สึกไปว่าในโลกที่เคยมีตึกสูงนั้นที่ตนเคยอยู่เป็นโลกประหลาด พวกเขาอาจจะคิดก็ได้ว่าพวกเขาอาจจะอยู่ในโลกที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ไม่ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง และสงครามอิรักไม่เคยระเบิดขึ้น


ผมคิดว่าเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบในปี ค.ศ. 1995 และการโจมตีด้วยแก๊ซซารินในรถไฟใต้ดินที่โตเกียวในเดือนมีนาคมปีเดียวกันทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมากมีประสบการณ์ในความรู้สึกหลุดจากความจริงก่อนคนในประเทศอื่นๆ

พวกเขาถามตัวเองว่า “พวกเราอยู่ที่นี่เพื่ออะไร” นิยายของผม ยกเว้นเรื่อง “นอร์วีเจียนวูด” (ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย) ไม่ได้นำเสนอสิ่งที่เราเรียกว่าสัจนิยม แต่ดูเหมือนจะมีการเริ่มยอมรับทั่วโลกว่าเป็นงานเขียนที่นำเสนอสัจนิยมใหม่ -- โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ 9/11

ในเวลาเดียวกัน ผมชอบนิยายทางโลกย์อย่างที่ออนอเร เดอ บัลซัค (ค.ศ.1799-1850) เขียน ผมอยากเขียน “นิยายที่อ่านแล้วเข้าใจได้ในวงกว้าง” ในสไตล์ของผมเอง ด้วยการบรรยายสภาพสังคมในปัจจุบันจากจุดยืนที่มีทั้งด้านกว่้าง ด้านยาว และด้านลึก

ผมพยายามจะแทรกฝังชีวิตมนุษย์ในบรรยากาศสังคมร่วมสมัยด้วยการก้าวข้ามการแบ่งประเภทของวรรณกรรมบริสุทธิ์ และด้วยการลองใช้วิธีการต่างๆ และแต่ละวิธีได้นำสิ่งที่แตกต่างมาให้

(ยังมีต่อ)

คำถามที่เหลือป็นเรื่องที่ลงลึกเข้าไปในเนื้อเรื่อง ความหมายต่างๆ ของสิ่งต่างๆ ในเรื่อง ซึ่งอ่านตอนนี้ก่อนอ่านหนังสือก็คงไม่ค่อยรู้เรื่อง (ผสมกับความขี้เกียจของคนแปล) จึงขอผัดว่าจะแปลมาแบ่งปันกันอ่านต่อเมื่อหนังสือวางแผงเรียบร้อยแล้วนะคะ

------
อัพเดทล่าสุด : ตอนต่อของสัมภาษณ์นี้ จัดให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ตามไปอ่านได้ >> ที่นี่

Sep 8, 2011

รายละเอียดการสั่ง 1Q84 updated 22/09/11

ขณะนี้ เราได้ทราบกำหนดส่งหนังสือเล่ม ๒ จากทางโรงพิมพ์ภาพพิมพ์ว่าสามารถส่งได้เลยตั้งแต่ต้นงานหนังสือเดือนตุลาคมที่เริ่มวันที่ ๕ ตุลาที่จะถึงนี้

จึงขออัพเดทกำหนดการส่งหนังสือสำหรับผู้ติดต่อสั่งซื้อโดยตรงตั้งแต่วันนี้ - วันที่ ๒๙ กันยายน ๕๔ดังนี้



เล่ม ๑ แบบส่งแยกหรือซื้อเล่มเดียว ส่งวันที่ 30 ก.ย. 54
เล่ม ๒ ทั้งแบบส่งพร้อมกันและแบบแยกส่ง ส่งวันที่ 7 ต.ค.54


ราคา : สองเล่มเท่ากัน เล่มละ 425 บาท ลด 15% เท่ากัน เหลือเล่มละ 361 บาท

ค่าส่ง : 20 บาท สำหรับ 1 เล่ม หรือส่งรวมทีเดียว
40 บาท ถ้าแยกส่งทีละเล่ม


รวม : สั่งซื้อ 1 เล่ม โอนเงิน 381 บาท
สั่งซื้อ 2 เล่ม แยกส่ง โอนเงิน 762 บาท
สั่งซื้อ 2 เล่ม ส่งรวม โอนเงิน 742 บาท

บัญชีสำหรับโอนเงิน
013-1-46428-5
ธ.กรุงศรี สาขาสะพานควาย
ชื่อบัญชี นางอธิชา กาบูล็อง

ติดต่อ โอนเงินเสร็จอีเมลมาที่ 1Q84thai@gmail.com
เพื่อแจ้ง - วันเวลา จำนวนเงินที่โอน
- จะให้ส่งรวมหรือแยกส่ง
- ชื่อ ที่อยู่สำหรับจัดส่ง เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ

ขอบคุณที่ให้ความสนใจผลงานของเรานะคะ

Jul 22, 2011

สำนักพิมพ์กำมะหยี่จัดรอบ avant-première เปิดให้สั่งจอง 1Q84 เล่ม ๑ พร้อมส่งให้ถึงบ้าน ได้อ่านก่อนใคร


จากความคืบหน้าของการทำงานจวบจนบัดนี้ ทำให้สามารถกำหนดได้คร่าวๆ ว่า 1Q84 เล่ม ๑ น่าจะพิมพ์เสร็จประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายน ๒๕๕๔


หนังสือพิมพ์เสร็จ จะเก็บงำเอาไว้อ่านกันเองก็อย่างไรอยู่ แต่จะเปิดจำหน่ายทั่วไปก่อนกำหนดเปิดตัวคือ วันที่ ๕ ตุลาคม ในงานหนังสือก็ใช่ที่ จึงขอจัดรอบ avant-première (รอบฉายก่อนวันจริง) ให้ผู้ที่สนใจสั่งซื้อหนังสือโดยตรงกับทางสำนักพิมพ์


ถามเอง - ตอบเอง


ทำไมต้องสั่งก่อน : ถ้าสั่งก่อน จะได้อ่านก่อนใคร เพราะเราจะเปิดจำหน่ายทั่วไปในงานหนังสือ


ไปซื้องานหนังสือก็ได้มั้ง : ก็ตามใจค่ะ ถ้าคุณอยู่ในกรุงเทพฯ มีเวลาไป ก็สะดวก แต่สำหรับคนอยู่ต่างจังหวัดหรือไม่มีเวลาไปงานหนังสือ กว่าหนังสือจะวางแผงตามร้านค้า ก็ต้องรอหลังงานหนังสือเสร็จ ประมาณสิ้นเดือนตุลากว่าจะส่งไปถึง


แล้วราคาขายล่ะ : เล่มละ 425 บาท พอๆ กับเล่มฉบับภาษาอังกฤษหารสอง (เพราะฉบับภาษาอังกฤษ เขาพิมพ์สองเล่มในเล่มเดียว) แต่น่าถูกกว่าฉบับภาษาฝรั่งเศสที่ขายแยกเล่ม เล่มละ 800 บาท


โห แพงอ่ะ : ของมาแพง ค่าลิขสิทธิ์แพงขนาดต้องขอผ่อนจ่ายเชียวนะคุณ ถึงจะไม่แพงขนาด 30 ล้านบาท (1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างของเกาหลีก็เถอะ จะให้ขายถูกได้ยังไง คนทำไม่ต้องกินข้าวกินปลาใช่มั้ย ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต


ก็ได้ เจ๊ไม่ต้องมีน้ำโห ถ้าสั่งตรงนอกจากได้อ่านก่อน แล้วมีข้อได้เปรียบอะไรอีกหรือเปล่า : ถ้าสั่งโดยตรง เราลดราคาให้ตามอัตราของการสั่งซื้อโดยตรง คือ 15% โดยมีค่าจัดส่ง (ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าคนบรรจุ ค่าไปรษณีย์แบบลงทะเบียน) 20 บาท และส่งให้อ่านก่อนที่หนังสือจะเปิดขาย (ชักเริ่มย้ำคิดซ้ำคำ)


ถูกกว่ารอซื้อในงานหนังสือหรือเปล่า : ไม่ถูกกว่า แต่ไม่แพงกว่า เพราะเราจะขายราคาเดียวกันในงานหนังสือ


แล้วเล่ม ๒ ล่ะ : เล่ม ๒ จะพยายาม “เข็น” ให้ออกมาทันวันที่ ๕ ตุลาคม วันเปิดงานหนังสือให้ได้ ถ้าไม่ทัน ก็จะพยายามออกให้ทันกลางงานหนังสือ ถ้ายังไม่ทันอีก ก็ปลายงานหนังสือ


ถ้าอยากรออ่านสองเล่มพร้อมกันล่ะ : เราจะจัดส่งให้ทั้งสองเล่มเมื่อหนังสือเล่มสองถึงมือเราแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางงานหนังสือ ถึงจะช้าหน่อย แต่ก็เร็วกว่ารอหนังสือวางแผงแน่นอน


โอเค โอเค ยอมๆๆ สนใจแล้วล่ะ แล้ววิธีการสั่งล่ะ สั่งอย่างไร : ดังรายละเอียดข้างล่างค่ะ


เล่ม ๑ ทางสำนักพิมพ์จะจัดส่งให้ทันทีที่พิมพ์เสร็จ คาดว่าไม่น่าจะเกินวันที่ 15 ก.ย. 54

ผู้ที่สั่งหลังจากวันที่กำหนดจะได้รับหนังสือในงวดจัดส่งวันที่ 30 ก.ย. 54


เล่ม ๒ จะจัดส่งให้ภายในสัปดาห์ที่สองเดือน ต.ค. 54

สำหรับผู้ที่สั่งสองเล่ม เล่ม ๒ ลด 20% เมื่อระบุให้ส่งพร้อมกัน ค่าส่งเท่าเดิม ประหยัดเงินได้ถึง 41 บาท

(ถ้าแยกส่งลด 15%)


ราคา สองเล่มเท่ากัน เล่มละ 425 บาท - 15% = 361 บาท


ค่าส่ง 20 บาท สำหรับ 1 เล่ม หรือส่งรวมทีเดียว

40 บาท ถ้าแยกส่งทีละเล่ม


รวม สั่งซื้อ 1 เล่ม โอนเงิน 381 บาท

สั่งซื้อ 2 เล่ม แยกส่ง โอนเงิน 762 บาท

สั่งซื้อ 2 เล่ม ส่งรวม โอนเงิน 721 บาท


บัญชีสำหรับโอนเงิน

013-1-46428-5

ธ.กรุงศรี สาขาสะพานควาย

ชื่อบัญชี นางอธิชา กาบูล็อง


ติดต่อ โอนเงินเสร็จอีเมลมาที่ 1Q84thai@gmail.com

เพื่อแจ้ง - วันเวลา จำนวนเงินที่โอน

- จะให้ส่งรวมหรือแยกส่ง

- ชื่อ ที่อยู่สำหรับจัดส่ง เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ


ระยะเวลาสั่ง วันนี้ - 7 ก.ย. 54


+++


*หมายเหตุ :


_ วันที่กำหนดส่งหนังสือข้างบนเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น สำหรับกำหนดที่แน่นอนจะนำมาแจ้งเมื่อสามารถกำหนดได้

_ สนพ.สงวนสิทธิ์ในการแก้ไขกฎกติกาต่างๆ และมีสิทธิขาดในการตัดสินใจ ในกรณีที่มีข้อขัดแย้ง แต่จะพยายามไม่แก้อะไร ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ



Jul 20, 2011

สนพ.กำมะหยี่ เปิดรับปกใหม่ "ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย"


หลังจากรั้งๆ รอๆ อยู่ระยะหนึ่ง ให้เวลาดูลาดเลาและสถานการณ์เพื่อพิจารณาจัดพิมพ์ "ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย" อีกครั้ง

เสียงจากปลายสายโทรศัทพ์ ข้อความส่งมาจากทางอีเมล และหน้าเฟซบุค สอบถามถึงหนังสือเล่มนี้มาไม่ขาดตอน ประกอบกับข้อมูลสต็อคที่ทางสายส่งแจ้งให้ทราบ ที่สำคัญเราเริ่มจะเบื่อที่จะบอกว่า เราไม่มีหนังสือเล่มนี้ในสต็อคของเราแล้วค่ะ ขออภัยด้วย บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะไปหาได้แน่ๆ ที่ไหน

พอกันที พิมพ์ใหม่กันเถอะ อย่าให้หนังสือเล่มสำคัญของเฮียมูต้องขาดตลาดหาซื้อยากอีกเลย ให้มีหนังสือเล่มนี้อยู่ในสต็อคของเราตลอดเวลา พร้อมตอบสนองความต้องการของนักอ่านรุ่นใหม่ๆ (เพราะเราแน่ใจว่านักอ่านแฟนๆ พันธุ์แท้ทั้งหลายย่อมมีเล่มนี้ในครอบครองอยู่แน่ๆ ) ที่เพิ่มขึ้นทุกวันกันเถอะ

ด้วยเหตุผลค่อนข้างเอาแต่ใจตัวดังกล่าวข้างต้น จึงขอเปิดรับปกเล่ม "ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย " หรือในชื่อภาษาอังกฤษ Norwegian Wood ณ บัดนี้

กติกาหลักๆ เหมือนเดิมทุกอย่าง (Copy มา Paste กันเห็นๆ เช่นเดิม)

ข้อมูลพื้นฐาน

- ใช้รูปถ่ายเดิม ( คลิก >>ไปดาวน์โหลด)
(เมื่อไปถึงหน้านั้นแล้ว คลิกที่ดาวน์โหลดทางซ้ายมือบนเพื่อดูดภาพไปทำงานต่อ)
- ขนาดของเล่ม 208 x 142mm
- กรอบ (ไม่จำกัดสี) หนาประมาณ 0.7 cm.
- ตัวอักษร Gamme Magie ที่มุมบนซ้าย

- ข้อความบนปก
ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย
Norwegian Wood
Haruki Murakami
นพดล เวชสวัสดิ์ แปล
พิมพ์ครั้งที่ ๓

สิ่งที่เราอยากเห็นคือ ปกภาพเดิมในรูปลักษณ์ใหม่ สีสันใหม่ เตะตาน่าจับต้องเป็นเจ้าของ แต่ยังกลมกลีนไปกันได้กับปกเล่มอื่นๆ ในชุดนิยายของมูราคามิ ที่กำมะหยี่จัดพิมพ์

การตัดสิน รอบแรกโหวตภายในสำนักพิมพ์กำมะหยี่ โดยมีคุณนพดล เวชสวัสดิ์ เข้าเป็นคณะกรรมการด้วย คัดเหลือสองปก รอบสอง ขึ้นเฟซบุคเพจ ให้แฟนๆ ช่วยตัดสิน

กำหนดส่งงาน ภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2554 ส่งเป็นไฟล์ jpeg ขนาด 1MB ใส่กรอบสีเทาหนา 2 px (กรุณาอย่าลืม เดี๋ยวจะโดนหักคะแนน) มาที่ gammemagie@gammemagie.com

หมายเหตุ :

1. สำนักพิมพ์กำมะหยี่สงวนสิทธิ์ในการนำภาพที่ส่งประกวดทุกภาพแสดงในเว็บไซต์ บล็อก และเฟซบุคเพจของสำนักพิมพ์

2. ผู้ชนะการประกวดจะได้รับเงินรางวัลตามอัตราการจ้างจัดทำปกของสำนักพิมพ์

3. ผู้ชนะจะร่วมงานกับสำนักพิมพ์ในการจัดทำเลย์เอาท์ปกหน้า สันปก ปกหลัง และที่คั่นหนังสือประจำเล่ม จนถึงกระบวนการส่งไฟล์เข้าโรงพิมพ์ ตรวจดิจิตัลปรูฟ จนถึงดูสีหน้าแท่น

4.ผู้ร่วมสนุกทุกท่านจะได้รับของรางวัลที่ระลึกเป็นหนังสือจากสำนักพิมพ์กำมะหยี่


ผู้ที่สนใจอย่ามัวรอรี ถ้าจะให้ดีช่วยกระจายข่าวด้วยนะคะ


ขอบคุณค่ะ

Jun 28, 2011

แนวคิดในการออกแบบปก 1Q84 ฉบับภาษาอังกฤษ วางแผงตุลาคม 2554 พร้อมๆ กับเล่มภาษาไทย

เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเดือนตุลาคม กำหนดวางแผง 1Q84 เล่มภาษาไทยที่ชาวพลพรรคสำนักพิมพ์กำมะหยี่และเพื่อนร่วมงานกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานกันอยู่

แต่หนังสือ นอกจากเนื้อในแล้ว ยังมีปกให้เราต้องดูแล เมื่อเวลากระชั้นเข้ามาอย่างไม่รอรีเช่นนี้ เราก็คิดว่าถึงเวลาเริ่มคิดถึงการออกแบบปกกันบ้างแล้ว วันนี้เลยเสิร์ชหาในกุ๊กเกิลดูว่าปกเวอร์ชั่นอื่นๆ เขาเป็นอย่างไร ได้เห็นแนวคิดหลายอย่างผ่านผลงานปกจากหลายๆ ประเทศ แต่ไม่มีปกจากประเทศไหน "คิดเยอะ" ดี เท่าปกจากเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ที่มีกำหนดวางแผงเดือนตุลาคมนี้ (เดือนเดียวกับเวอร์ชั่นภาษาไทย)

คุณ Chip Kidd ผู้ออกแบบปกเล่มนี้ ได้กล่าวอธิบายแนวความคิดในการออกแบบปกไว้ >>ที่นี่

ส่วนข้างล่างนี้เป็นบทแปลบทความดังกล่าวเป็นภาษาไทยค่ะ


หลังจากได้รับเกียรติออกแบบปกหนังสือฉบับปกแข็งทุกเล่มของฮารูกิ มูราคามิ ตั้งแต่เล่ม ดิ เอเลเฟน วานิชส์ ผมก็ตั้งตารอที่จะได้ทำงานเล่ม 1Q84 เป็นพิเศษ เพราะเป็นหนังสือที่ผู้เขียนมุ่งมั่นเขียนและผูกพันอย่างที่สุด (และเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย) อีกอย่างหนึ่งก็คือ ในทางตรรกสัญลักษณ์ ชื่อหนังสือเป็นความฝันของนักออกแบบ ด้วยลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสี่ตัวสามารถนำมาออกแบบเป็นงานที่ทรงพลังและโดดเด่นได้ง่ายๆ

เรื่องราวในหนังสือ เล่าเรื่องสองเรื่องที่ดูผิวเผินคล้ายจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ที่ค่อยๆ ขมวดพันเข้าหากันทีละน้อย เรื่องแรกเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่ออาโอมาเมะ ที่เปิดเรื่องมา เจอว่าตัวเองต้องปีนบันไดฉุกเฉินของทางด่วนที่รถติดหนักในกรุงโตเกียวเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด เมื่อเธอลงมาถึงพื้นดิน ในภายหลังเธอก็เกิดความเชื่อว่าเธอเข้าสู่ความจริงอีกอย่างหนึ่งผ่านทางนั้น เป็นความจริงที่แตกต่างจากความจริงที่เธอรู้จักเล็กน้อย เธอให้ชื่อมิติใหม่นี้ในใจว่า 1Q84 (เรื่องราวในหนังสือเกิดขึ้นในปี 1984 และในภาษาญี่ปุ่น Q ออกเสียงเหมือน 9) โดยให้ Q มาจาก Question Mark โลกที่แบกรับคำถามอยู่ และแนวความคิดนี้กลายเป็นเรื่องหลักเรื่องหนึ่งในหนังสือชุดนี้

หลังจากได้อ่านต้นฉบับแล้ว ผมก็เกิดความคิดในทันทีว่าการอยู่อย่างคู่ขนานของสถานการณ์ที่อาโอมาเมะเผชิญอยู่ สามารถนำเสนอผ่านการเชื่อมต่อกันของปกหุ้มหนังสือและตัวปก ด้วยการใช้กระดาษหนังแบบโปร่งแสงในการทำปกหุ้ม บนปกหุ้มนี้มีชื่อหนังสืออยู่ชั้นแรก พิมพ์ภาพผู้หญิงให้โผล่ตามช่องของตัวอักษรและตัวเลข ส่วนอื่นๆ ของเธอนอกเหนือจากนั้นไม่ต้องมี

เมื่อปกหุ้มได้หุ้มปก มันจะ "เติมเต็ม" ภาพใบหน้าของเธอ แต่ก็มีบางอย่างที่ประหลาดกำลังเกิดขึ้น และก่อนที่คนอ่านจะได้อ่าน พวกเขาจะถูกบังคับให้คิดถึงเรื่องที่มีคนบางคนเดินทางจากโลกหนึ่งไปอีกโลกหนึ่ง

ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาเสมอ นั่นคือ มันดูสวยดีทีเดียว



ปกหุ้ม ตรงขาวๆ เป็นกระดาษโปร่งแสง


ปกหนังสือ


ภาพเมื่อปกหุ้มได้หุ้มปกแล้ว




May 17, 2011

เผยปกร่วมสนุก "ราตรีมหัศจรรย์" พิมพ์ครั้งที่ ๒

เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองอาทิตย์ก็จะถึงเวลาปิดรับปก "ราตรีมหัศจรรย์" (After Dark) แล้วจ้า วันนี้เลยนำปกที่มีผู้ส่งเข้ามาแล้วมาฝาก

ใครที่จดๆ จ้องๆ อย่ามัวมัวรีรออยู่เลย ลงมือออกแบบแล้วส่งมาดูกันดูกัน ตอนนี้เรากำลังพิจารณากันอยู่ว่าควรจะขยายเวลารับปก "คำสาปร้านเบเกอรี" กับ "ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน" ออกไปอีกนิด เพื่อไม่ให้กิจกรรมชนกันวุ่นวายมากมายเกินไปหรือไม่ หรือควรจะตัดสินเท่าที่มีผู้ส่งมาจนถึงสิ้นเดือนนี้ ถ้าไม่มีงานเข้าตาจริงๆ ก็จะใช้อำนาจเผด็จการที่มีอยู่มอบหมายให้นักออกแบบปกที่เราทำงานด้วยคนใดคนหนึ่งมารับงานไปทั้งสองเล่ม





ป.ล. ๑ สำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาและไม่เข้าใจว่าเราบ่นงึมงำเรื่องอะไรอยู่ คลิกตามไปดูที่มาที่ไปได้ที่เว็บไซต์ของเรานะคะ >> http://www.gammemagie.com/

ป.ล. ๒ ผู้ที่ส่งปกเข้าร่วมสนุกทุกท่านจะได้รับหนังสือจากสำนักพิมพ์เป็นของขวัญที่ระลึกค่ะ

Apr 20, 2011

เปิดรับปกเล่ม "ราตรีมหัศจรรย์"

การเปิดร่วมสนุกส่งปก "เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ เสร็จสิ้นไปอย่างสวยงามราบรื่น หนังสือในปกใหม่พิมพ์เสร็จเตรียมลงแผงทั่วประเทศหลังสงกรานต์แล้ว หลังจากได้รับความสนใจช่วยอุดหนุนมากมายจากนักอ่านในงานหนังสือสองวันสุดท้ายที่โรงพิมพ์เจียดแบ่งมาส่งอย่างเฉียดฉิว


ตอนนี้ถึงเวลาร่วมสนุกอีกครั้ง เราขอเริ่มเปิดรับปกของเล่ม "ราตรีมหัศจรรย์" หรือในชื่อภาษาอังกฤษ After Dark ณ บัดนี้


กติกาหลักๆ เหมือนเดิมทุกอย่าง (Copy มา Paste กันเห็นๆ)


ข้อมูลพื้นฐาน


- ใช้รูปถ่ายเดิม (คลิกไปดาวน์โหลดได้ที่ http://i1099.photobucket.com/albums/g399/gammemagie1/mie1.jpg

- ขนาดของเล่ม 208 x 142mm

- กรอบ (ไม่จำกัดสี) หนาประมาณ 0.7 cm.

- ตัวอักษร Gamme Magie ที่มุมบนซ้าย

- ข้อความบนปก

ราตรีมหัศจรรย์

After Dark

Haruki Murakami

นพดล เวชสวัสดิ์ แปล

พิมพ์ครั้งที่ ๒


สิ่งที่เราอยากเห็นคือ ปกภาพเดิมในรูปลักษณ์ใหม่ สีสันใหม่ เตะตาน่าจับต้องเป็นเจ้าของ แต่ยังกลมกลีนไปกันได้กับปกเล่มอื่นๆ ในชุดนิยายของมูราคามิ ที่กำมะหยี่จัดพิมพ์


การตัดสิน รอบแรกโหวตภายในสำนักพิมพ์กำมะหยี่ โดยมีคุณนพดล เวชสวัสดิ์ เข้าเป็นคณะกรรมการด้วย คัดเหลือสองปก รอบสอง ขึ้นเฟซบุคเพจ ให้แฟนๆ ช่วยตัดสิน


กำหนดส่งงาน ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2554 ส่งเป็นไฟล์ jpeg ขนาด 1MB ใส่กรอบสีเทาหนา 2 px (กรุณาอย่าลืม เดี๋ยวจะโดนหักคะแนน) มาที่ gammemagie@gammemagie.com


หมายเหตุ :


1. สำนักพิมพ์กำมะหยี่สงวนสิทธิ์ในการนำภาพที่ส่งประกวดทุกภาพแสดงในเว็บไซต์ บล็อก และเฟซบุคเพจของสำนักพิมพ์


2. ผู้ชนะการประกวดจะได้รับเงินรางวัลตามอัตราการจ้างจัดทำปกของสำนักพิมพ์


3. ผู้ชนะจะร่วมงานกับสำนักพิมพ์ในการจัดทำเลย์เอาท์ปกหน้า สันปก ปกหลัง และที่คั่นหนังสือประจำเล่ม

จนถึงกระบวนการส่งไฟล์เข้าโรงพิมพ์ ตรวจดิจิตัลปรูฟ จนถึงดูสีหน้าแท่น



ผู้ที่สนใจอย่ามัวรอรี ถ้าจะให้ดีช่วยกระจายข่าวด้วยนะคะ




ป.ล. นอกจากเล่มนี้ กำมะหยี่ยังเปิดรับปกใหม่เล่ม คำสาปร้านเบเกอรี และ ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน เข่นกันค่ะ รายละเอียดในลิงก์ข้างล่างนะคะ

http://gammemagie.blogspot.com/2011/04/blog-post_19.html

Apr 19, 2011

เจ้าข้าเอ๊ย... มีรายการเปิดแบบปกมาให้ส่งร่วมสนุกเพิ่มอีกสองปกจ้า (คำสาปร้านเบฯ กับปีศาจเล็กฯ)

ความเดิมตอนที่แล้ว >> วิกฤติใหม่ : หนังสือหมดเกลี้ยง (http://www.gammemagie.com/content/view/158/78/lang,thai/)

เนื่องจาก พวกเราชาวกำมะหยี่เป็นวัยรุ่นใจร้อน (เห็นสำนวนแล้วรู้เลยว่ารุ่นไหน) เราไม่อยากรอให้คนส่งปกเล่ม ราตรีมหัศจรรย์ มาก่อนแล้วค่อยเปิดรับเล่มอื่นๆ แล้ว จึงขอเปิดการรับปกใหม่สองเล่มรวด คือ คำสาปร้านเบเกอรี กับ ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน มา ณ ที่นี้

คัดลอกแล้วแปะกติกาหลักๆ กันสักนิด

ข้อมูลพื้นฐาน

- ใช้รูปถ่ายเดิม

คำสาปร้านเบเกอรี คลิกไปดาวน์โหลดได้ที่ >> http://i1099.photobucket.com/albums/g399/gammemagie1/Bakery5.jpg

ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน >> http://i1099.photobucket.com/albums/g399/gammemagie1/Lexington5of2.jpg

- ขนาดของเล่ม 180 x 107mm

- กรอบสีขาว หนาประมาณ 0.7 cm.

- ตัวอักษร Gamme Magie ที่มุมบนซ้าย

- ข้อความบนปก


คำสาปร้านเบเกอรี The Second Bakery Attack

รวมเรื่องสั้นแปล ชุด “แฟนมูราคามิรวมหัว” ลําดับ ๒/๓

Haruki Murakami

ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง แม่งานและบรรณาธิการ

พิมพ์ครั้งที่ ๒


ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน Lexington Ghosts

รวมเรื่องสั้นแปล ชุด “แฟนมูราคามิรวมหัว” ลําดับ ๓/๓

Haruki Murakami

ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง แม่งานและบรรณาธิการ

พิมพ์ครั้งที่ ๒


สิ่งที่เราอยากเห็นคือ ปกภาพเดิมในรูปลักษณ์ใหม่ สีสันใหม่ เตะตาน่าจับต้องเป็นเจ้าของ แต่ยังกลมกลีนไปกันได้กับปกเล่ม เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน พิมพ์ครั้งที่ ๒ (http://www.gammemagie.com/content/view/78/153/lang,thai/)

การตัดสิน รอบแรกโหวตภายในสำนักพิมพ์กำมะหยี่ และพี่แป๊ด แม่งานและบรรณาธิการเล่ม คัดเหลือสองปก รอบสอง ขึ้นเฟซบุคเพจ ให้แฟนๆ ช่วยตัดสิน

กำหนด ส่งงาน ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2554 (วันเดียวกับเล่มราตรีมหัศจรรย์) ส่งเป็นไฟล์ jpeg ขนาด 1MB ใส่กรอบสีเทาหนา 2 px (กรุณาอย่าลืม เดี๋ยวจะโดนหักคะแนน) มาที่ gammemagie@gammemagie.com


หมายเหตุ :

1. สำนักพิมพ์กำมะหยี่สงวนสิทธิ์ในการนำภาพที่ส่งประกวดทุกภาพแสดงในเว็บไซต์ บล็อก และเฟซบุคเพจของสำนักพิมพ์

2. ผู้ชนะการประกวดจะได้รับเงินรางวัลตามอัตราการจ้างจัดทำปกของสำนักพิมพ์

3. ผู้ชนะจะร่วมงานกับสำนักพิมพ์ในการจัดทำเลย์เอาท์ปกหน้า สันปก และปกหลัง รวมถึงที่คั่นหนังสือประจำเล่ม จนถึงกระบวนการส่งไฟล์เข้าโรงพิมพ์ ตรวจดิจิตัลปรูฟ จนถึงดูสีหน้าแท่น



ผู้ที่สนใจอย่ามัวรอรี ถ้าจะให้ดีช่วยกระจายข่าวด้วยนะคะ


Mar 22, 2011

Haruki Murakami ได้รับรางวัล ‘Premi Internacional Catalunya’ ประจำปี 2554

แฟนของเฮียมูส่งข่าวผ่านเฟซบุคเพชของเราแจ้งว่า เฮียเพิ่งได้รับรางวัลระดับนานาชาติอีกหนึ่งรางวัลแล้ว พลพรรคกำมะหยี่จึงจัดแปลข่าวดีนี้แบบเนื้อๆ ให้กับแฟนๆ ของเฮียทุกท่านค่ะ


19.03.2011 - 11.08 am - CNA / Maria Fernández Noguera <<คลิกไปอ่านเต็มๆ ในภาษาอังกฤษ

ฮารูกิ มูราคามิ ได้รับรางวัล ‘Premi Internacional Catalunya’ อันทรงเกียรติระดับนานาชาติ มอบโดยรัฐบาลแคว้นคาทาโลเนีย ประเทศสเปน ให้แก่บุคคลผู้มุ่งมั่นอุทิศตนและผลงานเพื่อการพัฒนาคุณค่าทางวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และมวลมนุษย์ทั่วโลก เมื่อปีที่แล้ว อดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ แห่งสหรัฐฯ เป็นเจ้าของรางวัลนี้ ส่วนผู้ได้รับรางวัลท่านอื่นๆ เป็นบุคคลในหลายหลายสาขาอาชีพ เช่น นางอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านประเทศพม่า ฮาโรลด์ บลูม นักเขียนชาวอเมริกัน อมาตยา เซน นักเศรษฐศาสตร์ชาวอินเดีย ฯลฯ

มูราคามิได้รับรางวัลจากคณะกรรมการตัดสินเนื่องจาก "ผลงานของเขาก้าวข้ามสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม และตัวเขาเองได้กลายเป็นบุคคลอ้างอิงในโลกวรรณกรรม" นักเขียนผู้นี้มีโลกอันเป็นปัจเจกที่สลับเปลี่ยนระหว่างความฝันกับความจริง คณะกรรมการผู้ตัดสินรางวัลนี้กล่าวว่า "เขาได้สร้างสะพานทางวรรณกรรมเชื่อมต่อระหว่างตะวันออกกับตะวันตก" ผู้ได้รับรางวัลนี้จะได้รับเงิน 80 000 ยูโร และงานประติมากรรมโดย Antoni Tàpies ศิลปินชาวคาทาโลเนีย


ฮารูกิ มูราคามิ ได้ส่งอีเมลขอบคุณถึงรัฐบาลแคว้นคาทาโลเนียเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า เขาเชื่อว่ารางวัลนี้ "จะเป็นการปฏิบัติที่เป็นประหนึ่งวิธีการสนับสนุนแบบพิเศษ" ต่อชาวญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ทซึนามิ และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกล่าวด้วยว่าเขารู้สึก "ได้รับเกียรติอย่างสูง" ที่ได้รับรางวัลนี้ แต่เขาเสียใจที่เขา "ไม่อาจรู้สึกมีความสุขได้อย่างเต็มที่กับรางวัลนี้เพราะเพื่อนร่วมชาติของผมกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาอันยากลำบาก ทุกข์ทนจากแผ่นดินไหวอันโหดร้ายและผลกระทบต่างๆ ที่ตามมา"

โฆษกรัฐบาลแคว้นคาทาโลเนียแถลงในการประชุมผู้สื่อข่าวว่า รางวัลนี้ได้รับการตัดสินไม่กี่วันก่อนเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้กลับเพิ่มคุณค่าให้กับมูราคามิอย่าง"สมเหตุสมผลยิ่งกว่าครั้งไหนๆ" พิธีการมอบรางวัลนี้จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน นี้

มูราคามิได้รับเลือกจากผู้ได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลจำนวน 196 คนจาก 56 ประเทศ ผู้เข้าชิงรางวัลได้รับการเสนอชื่อโดย 225 สถาบันจาก 54 ประเทศ ตั้งแต่กลางปี 2553 ถึงสิ้นปี คณะกรรมการผู้ตัดสินจะเริ่มพิจารณาผู้เข้าชิงรางวัลตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากได้รับรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ฮารูกิ มูราคามิ ได้รับเลือกด้วยคะแนนเอกฉันท์