เนื่องในโอกาสที่ "ไก่ใส่พลัม" พิมพ์เสร็จจากแท่นเรียบร้อยแล้ว วันนี้พลพรรคกำมะหยี่เลยนำบทสัมภาษณ์มาร์จอเน่ ซาทราพิ
ผู้เขียนมานำเสนอกับแฟนๆ เพื่อเตรียมต้อนรับผลงานเล่มนี้ค่ะ
+++
ความรักคือทะเลทรายอันว่างเปล่า
นักเขียนการ์ตูนหญิงชาวอิหร่านผู้นี้รู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีนั้นดีกับคุณ
มาร์จอเน่ ซาทราพิ เป็นนักเขียนการ์ตูนชาวอิหร่านที่อาศัยอยู่กรุงปารีส นอกจากนั้นเธอยังเป็นโต้โผสนับสนุนการสูบบุหรี่และชื่นชอบหน้าอกของโซเฟีย ลอเรน
นัสเซอร์ อาลี ผู้ทุ่มเทรักรสนิยมชั้นสูงและมีอุดมคติเรื่องศิลปะอันสูงส่งรู้สึกว่าชีวิตตัวเองล้มเหลว เมื่อทาร์ (เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายชนิดหนึ่งของอิหร่าน) ตัวโปรดของเขาพังลง เขาจึงมองหาตัวใหม่ทดแทน แต่ก็ต้องมาพบว่าทาร์ตัวอื่นๆ เสียงไม่ดีพอ เขาจมอยู่ในห้วงของความหดหู่ เขาจึงตัดสินใจที่จะตายและนอนรอความตายอยู่บนเตียง หนังสือเล่มนี้เล่าถึงแปดวันสุดท้ายในชีวิตของนัสเซอร์ อาลี ตอนที่เขาครุ่นคิดถึงชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขและความรักที่ไม่สมหวังในวัยหนุ่ม เนื่องจากเขาไม่สามารถหาความสุขทางโลกได้อีก เขาจึงใช้เวลาในแต่ละวันพูดคุยกับยมทูตและจินตนาการว่าได้เสพสุขกับหญิงงาม
ไก่ใส่พลัม เป็นหนังสือตลกร้ายและไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนนัสเซอร์ อาลี หนังสือเล่มนี้เป็นภาพการ์ตูนขาวดำเหมือนเล่มแพร์ซโพลิส ขณะที่รูปแบบการเล่าเรื่องแบ่งเป็นห้วงๆ เหมือนยืมมาจากงานของผู้กำกับฮิทช์ค็อก และภาพยนตร์เรื่อง มิสซิสดัลโลเวย์
ซาทราพิได้พูดคุยกับ เนิร์ฟ (Nerve) เกี่ยวกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต และการเสพความสุขเหล่านั้นสามารถแก้ปัญหาได้มากมายเกินกว่าที่เราจินตนาการได้อย่างไร
รายงานโดย ซาราห์ ซันด์เบิร์ก
แปลโดย พิรดา สิทธิถาวร
- ไก่ใส่พลัม ดูเหมือนจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการพลาดโอกาส มีส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่ามีการปฏิวัติเรื่องเพศแบบครึ่งทาง นัสเซอร์ อาลี พบผู้หญิงคนหนึ่งชื่ออิเรน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกับเธอ นอกจากนี้ยังมีการปฏิวัติทางการเมืองที่ล้มเหลว นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ความหวังถูกทำลายป่นปี้
ซาทราพิ : ใช่แล้วค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศอิหร่านในช่วงปีห้าศูนย์ มอสซาเด็กห์ถูกโค่นอำนาจ ในทางหนึ่งถือเป็นจุดจบของประชาธิปไตยทั่วทั้งภูมิภาค และความฝันของผู้คนทั้งโลกถูกทำลาย เช่นเดียวกับฝันของนัสเซอร์ อาลี เรื่องที่เกี่ยวกับอิเรนเกิดขึ้นเพราะตอนนั้นเธอไม่ใส่ผ้าคลุมหน้าเพราะเรซา ชาห์สั่งห้ามไม่ให้ใช้ เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติเรื่องเพศซึ่งไม่เคยได้เกิดขึ้นจริง
- นัสเซอร์ อาลี แสดงภาพของมนุษย์ผู้รู้สึกว่าตนเองนั้นมีสิทธิพิเศษในการเป็นคนที่เห็นแก่ความพอใจของตนได้เต็มที่
ซาทราพิ : สำหรับฉัน นั่นถือเป็นคำอธิบายภาพของศิลปินอย่างชัดแจ้ง ฉันคิดว่าคุณต้องเป็นคนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและหลงตัวเองเป็นอย่างมากถึงจะเป็นศิลปินได้ ฉันพูดอย่างนั้นในฐานะศิลปินคนหนึ่ง ฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง แต่ฉันก็รู้ว่าฉันเป็นคนที่เหลือทนเหมือนกัน
ซาทราพิ : บอกตรงๆ นะคะ ฉันไม่เคยรู้สึกมีอิสระมากเท่าตอนที่เขียนเรื่องไก่ใส่พลัมมาก่อน เวลาฉันเขียนเกี่ยวกับผู้หญิง หรือที่เห็นชัดๆ ก็คือตอนที่เขียนเกี่ยวกับตัวเองอย่างเช่นในเล่มแพร์ซโพลิส ผู้คนมักจะโยงเนื้อหาในเรื่องมาที่ตัวฉัน แต่สำหรับเรื่องนี้ ตัวละครหลักเป็นผู้ชาย ฉันสามารถซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังตัวละคร ในหลายๆ ทาง เขาคือฉัน ฉันสามารถเป็นคนขวางโลกสุดๆ แต่ฉันก็สามารถตายเพราะความรักได้
- การใช้ตัวเอกเป็นเพศที่แตกต่างกับตัวคุณดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการซ่อนตัวตนในนิยาย
ซาทราพิ : ฉันรู้ แต่ฉันไม่ใช่หนึ่งในผู้หญิงพวกนั้น สำหรับผู้หญิงบางคน อะไรก็ตามที่น่ารังเกียจ ลามก หยาบคาย เป็นของสำหรับผู้ชาย แต่อะไรก็ตามที่ดีเป็นของผู้หญิง ฉันไม่คิดว่าการที่คนเราจะดีหรือเลวนั้นขึ้นอยู่กับเพศ ฉันเคยเจอทั้งผู้หญิงเลวร้าย และเคยเจอผู้ชายที่เลวร้าย และฉันก็เคยเจอทั้งผู้หญิงที่ดีมากและผู้ชายที่ดีมากเหมือนกัน ฉันว่ามันเป็นเรื่องของการเป็นมนุษย์คนหนึ่งมากกว่าคำถามที่ว่าพวกเขามีนมสองเต้าหรือไข่หนึ่งคู่
- พูดถึงเรื่องนม ช่วยเล่าถึงหน้าอกของโซเฟีย ลอเรนให้ฟังหน่อยสิคะ มันมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ทำไมถึงมีเรื่องของมันอยู่ในหนังสือได้
ซาทราพิ : สำหรับฉัน โซเฟียลอเรนเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก เธอสวยเหลือเชื่อ ไม่มีอะไรในตัวเธอเลยที่ธรรมดา เธอมีจมูกที่ไม่ธรรมดา ปากที่ไม่ธรรมดา และตาที่ไม่ธรรมดา หน้าอกของเธอใหญ่จนคุณไม่สามารถจินตนาการได้ ฉันคิดว่าถ้าพระเจ้าสร้างฉันขึ้นมาภายในสองวินาที ท่านก็คงใช้เวลาสองปีในการสรรสร้างโซเฟีย ลอเรน สำหรับฉัน เธอคือสัญลักษณ์ของความงามและความสำราญ ทุกวันนี้ ในฮอลลีวู้ด คุณต้องดูเหมือนแท่งไม้ ไม่เห็นจะเหมือนผู้หญิงเลยสักนิด โซเฟีย ลอเรนเป็นผู้หญิงแท้ๆ และเป็นผู้หญิงแบบที่ฉันชื่นชอบ จริงๆ แล้ว สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเราพูดว่า “หยิบโซเฟีย ลอเรนมาให้ฉัน หยิบพลัมมาให้หน่อย” ทุกครั้งที่เราทำไก่ใส่พลัม
- ในหนังสือเล่มนี้คุณมีคำบรรยายที่เยี่ยมยอดและกระตุ้นความรู้สึกในการสูบบุหรี่ ตัวละครตัวหนึ่งเรียกบุหรี่ว่า “อาหารสำหรับจิตวิญญาณ”
ซาทราพิ : บุหรี่เป็นอาหารสำหรับจิตวิญญาณ เมื่อคุณสูบบุหรี่ คุณสามารถมองดูตัวเองหายใจ ดูวิญญาณของคุณออกจากร่างและกลับเข้าร่าง เมื่อสองวันก่อน ฉันได้ไปพูดที่ร้านหนังสือบาร์นส์แอนด์โนเบิลในเชลซี ฉันบอกว่าฉันเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นเพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงของการสูบบุหรี่ ผู้ฟังหยุดหัวเราะ ผู้คนเต็มใจที่จะกินของห่วยๆ และดื่มน้ำที่ไม่สะอาด มลพิษต่างๆ ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขา แต่ทันทีที่คุณหยิบบุหรี่ออกมา พวกเขาก็จะทำท่าราวกับคุณกำลังจะฆ่าพวกเขา มันไม่จริงหรอก ของแย่ๆ ที่พวกเขาใส่ลงไปในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนต่างๆ หรือยาฆ่าแมลง รวมทั้งความเครียด สภาพความเป็นอยู่ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่กำลังฆ่าคุณ
- อะไรทำให้คุณอยากเขียนหนังสือเล่มนี้
ซาทราพิ : โดยทั่วไปแล้วฉันชอบพวกเรื่องรักๆ ใคร่ๆ และฉันก็ชอบเรื่องความตายด้วยเพราะฉันคิดว่าการที่พวกเราต้องตายเป็นความจริงที่น่าอดสู เราตายด้วยเหตุผลเดียวกันกับหนอนที่หนอนต้องตาย หรือแมวต้องตาย แต่แตกต่างกันตรงที่เรารู้อยู่แก่ใจ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังพูดถึงเรื่องความสุขเช่นกัน ตั้งแต่เรื่องโซเฟีย ลอเรน เรื่องการสูบบุหรี่ จนถึงเรื่องความรัก ทุกอย่างพรรณนั้น ทุกวันนี้เรากำลังอาศัยอยู่ในโลกที่ความคิดเรื่องความสุขถูกปฏิเสธ ทันทีที่คุณพูดว่าสูบบุหรี่ พวกเขาจะพูดว่ามะเร็ง คุณพูดว่ากิน พวกเขาจะพูดว่าคลอเรสเตอรอล คุณพูดถึงเซ็กซ์ พวกเขาจะพูดว่าเอดส์ แต่ทั้งนี้ก่อนที่จะเป็นเอดส์ มะเร็ง หรือมีคลอเรสเตอรอล คุณมีความสุขที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้น ฉันคิดว่าการไม่ยอมรับความสุขเป็นจุดเริ่มต้นของความบ้าคลั่งที่เราเห็นในปัจจุบัน ผู้คนท้อใจเพราะขาดความสุข ถ้าพวกเขามีความสุข ทำไมเขาถึงต้องฆ่าแกงผู้อื่นด้วยล่ะ เขาต้องไม่ทำสิ
- คุณคิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องระหว่างลัทธิเพียวริแทนของคนอเมริกันกับความบ้าคลั่งที่มีอยู่ในส่วนอื่นๆ บนโลกมั้ย
ความรักคือทะเลทรายอันว่างเปล่า
นักเขียนการ์ตูนหญิงชาวอิหร่านผู้นี้รู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีนั้นดีกับคุณ
มาร์จอเน่ ซาทราพิ เป็นนักเขียนการ์ตูนชาวอิหร่านที่อาศัยอยู่กรุงปารีส นอกจากนั้นเธอยังเป็นโต้โผสนับสนุนการสูบบุหรี่และชื่นชอบหน้าอกของโซเฟีย ลอเรน
หนังสือเล่มก่อนๆ ของเธอประกอบไปด้วย แพร์ซโพลิส (Persepolis) บันทึกความทรงจำในช่วงวัยรุ่นของเธอ หลังจากต้องออกจากประเทศไปอยู่ที่ยุโรปหลังจากการปฏิวัติอิสลาม และ เย็บถากปากร้าย (ฺBroderies) ซึ่งเป็นเรื่องของญาติๆ ผู้หญิงที่มานั่งจิบน้ำชาและพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ สำหรับผลงานล่าสุด ไก่ใส่พลัม (Chicken With Plums) เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ กรุงเตหะราน ย้อนไปในปี ค.ศ. 1958 จัดเป็นเรื่องราวกึ่งอัตชีวประวัติ มีตัวละครหลักคือ นัสเซอร์ อาลี ข่าน อิงมาจากชีวิตของลุงของแม่ ผู้ซึ่งเป็นนักดนตรีที่โด่งดัง
นัสเซอร์ อาลี ผู้ทุ่มเทรักรสนิยมชั้นสูงและมีอุดมคติเรื่องศิลปะอันสูงส่งรู้สึกว่าชีวิตตัวเองล้มเหลว เมื่อทาร์ (เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายชนิดหนึ่งของอิหร่าน) ตัวโปรดของเขาพังลง เขาจึงมองหาตัวใหม่ทดแทน แต่ก็ต้องมาพบว่าทาร์ตัวอื่นๆ เสียงไม่ดีพอ เขาจมอยู่ในห้วงของความหดหู่ เขาจึงตัดสินใจที่จะตายและนอนรอความตายอยู่บนเตียง หนังสือเล่มนี้เล่าถึงแปดวันสุดท้ายในชีวิตของนัสเซอร์ อาลี ตอนที่เขาครุ่นคิดถึงชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขและความรักที่ไม่สมหวังในวัยหนุ่ม เนื่องจากเขาไม่สามารถหาความสุขทางโลกได้อีก เขาจึงใช้เวลาในแต่ละวันพูดคุยกับยมทูตและจินตนาการว่าได้เสพสุขกับหญิงงาม
ไก่ใส่พลัม เป็นหนังสือตลกร้ายและไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนนัสเซอร์ อาลี หนังสือเล่มนี้เป็นภาพการ์ตูนขาวดำเหมือนเล่มแพร์ซโพลิส ขณะที่รูปแบบการเล่าเรื่องแบ่งเป็นห้วงๆ เหมือนยืมมาจากงานของผู้กำกับฮิทช์ค็อก และภาพยนตร์เรื่อง มิสซิสดัลโลเวย์
ซาทราพิได้พูดคุยกับ เนิร์ฟ (Nerve) เกี่ยวกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต และการเสพความสุขเหล่านั้นสามารถแก้ปัญหาได้มากมายเกินกว่าที่เราจินตนาการได้อย่างไร
รายงานโดย ซาราห์ ซันด์เบิร์ก
แปลโดย พิรดา สิทธิถาวร
- ไก่ใส่พลัม ดูเหมือนจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการพลาดโอกาส มีส่วนหนึ่งที่บ่งบอกว่ามีการปฏิวัติเรื่องเพศแบบครึ่งทาง นัสเซอร์ อาลี พบผู้หญิงคนหนึ่งชื่ออิเรน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกับเธอ นอกจากนี้ยังมีการปฏิวัติทางการเมืองที่ล้มเหลว นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ความหวังถูกทำลายป่นปี้
ซาทราพิ : ใช่แล้วค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศอิหร่านในช่วงปีห้าศูนย์ มอสซาเด็กห์ถูกโค่นอำนาจ ในทางหนึ่งถือเป็นจุดจบของประชาธิปไตยทั่วทั้งภูมิภาค และความฝันของผู้คนทั้งโลกถูกทำลาย เช่นเดียวกับฝันของนัสเซอร์ อาลี เรื่องที่เกี่ยวกับอิเรนเกิดขึ้นเพราะตอนนั้นเธอไม่ใส่ผ้าคลุมหน้าเพราะเรซา ชาห์สั่งห้ามไม่ให้ใช้ เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติเรื่องเพศซึ่งไม่เคยได้เกิดขึ้นจริง
- นัสเซอร์ อาลี แสดงภาพของมนุษย์ผู้รู้สึกว่าตนเองนั้นมีสิทธิพิเศษในการเป็นคนที่เห็นแก่ความพอใจของตนได้เต็มที่
ซาทราพิ : สำหรับฉัน นั่นถือเป็นคำอธิบายภาพของศิลปินอย่างชัดแจ้ง ฉันคิดว่าคุณต้องเป็นคนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและหลงตัวเองเป็นอย่างมากถึงจะเป็นศิลปินได้ ฉันพูดอย่างนั้นในฐานะศิลปินคนหนึ่ง ฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง แต่ฉันก็รู้ว่าฉันเป็นคนที่เหลือทนเหมือนกัน
-นัสเซอร์ อาลี ผูกพันอยู่กับอุดมการณ์ในทางศิลปะ แต่เขาก็ค่อนข้างขวางโลกเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ
ซาทราพิ : บอกตรงๆ นะคะ ฉันไม่เคยรู้สึกมีอิสระมากเท่าตอนที่เขียนเรื่องไก่ใส่พลัมมาก่อน เวลาฉันเขียนเกี่ยวกับผู้หญิง หรือที่เห็นชัดๆ ก็คือตอนที่เขียนเกี่ยวกับตัวเองอย่างเช่นในเล่มแพร์ซโพลิส ผู้คนมักจะโยงเนื้อหาในเรื่องมาที่ตัวฉัน แต่สำหรับเรื่องนี้ ตัวละครหลักเป็นผู้ชาย ฉันสามารถซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังตัวละคร ในหลายๆ ทาง เขาคือฉัน ฉันสามารถเป็นคนขวางโลกสุดๆ แต่ฉันก็สามารถตายเพราะความรักได้
- การใช้ตัวเอกเป็นเพศที่แตกต่างกับตัวคุณดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการซ่อนตัวตนในนิยาย
ซาทราพิ : ใช่แล้วค่ะ ตอนที่โฟลแบรฺต์เขียนเรื่อง มาดามโบวารี เขากล่าวว่า "มาดามโบวารีคือผมเอง" ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง แม้กระทั่งกับด้านที่น่าสงสารของเธอ ทุกสิ่งที่เธออยากจะเป็นและไม่มีวันเป็นได้ ฉันสามารถโยงไปหาเธอได้ทุกเรื่อง ฉันไม่เชื่อในวรรณกรรมผู้หญิงกับวรรณกรรมผู้ชาย ฉันคิดว่า มาร์เกอริต ดูราส์ พูดถูกที่ว่า วรรณกรรมไม่มีเพศ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงเพื่อเขียนเกี่ยวกับผู้หญิง หรือเป็นผู้ชายเพื่อเขียนเกี่ยวกับผู้ชาย ซึ่งถ้าสิ่งนั้นเป็นจริง นั่นก็คงเป็นจุดจบของวรรณกรรม
- ถึงอย่างนั้น ด้วยเหตุผลบางประการ ดูเหมือนผู้หญิงจะรู้สึกว่าพวกเธอจะต้องเขียนเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงมากกว่าที่ผู้ชายจะรู้สึกว่าพวกเขาต้องเขียนเกี่ยวกับผู้ชาย
- ถึงอย่างนั้น ด้วยเหตุผลบางประการ ดูเหมือนผู้หญิงจะรู้สึกว่าพวกเธอจะต้องเขียนเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงมากกว่าที่ผู้ชายจะรู้สึกว่าพวกเขาต้องเขียนเกี่ยวกับผู้ชาย
ซาทราพิ : ฉันรู้ แต่ฉันไม่ใช่หนึ่งในผู้หญิงพวกนั้น สำหรับผู้หญิงบางคน อะไรก็ตามที่น่ารังเกียจ ลามก หยาบคาย เป็นของสำหรับผู้ชาย แต่อะไรก็ตามที่ดีเป็นของผู้หญิง ฉันไม่คิดว่าการที่คนเราจะดีหรือเลวนั้นขึ้นอยู่กับเพศ ฉันเคยเจอทั้งผู้หญิงเลวร้าย และเคยเจอผู้ชายที่เลวร้าย และฉันก็เคยเจอทั้งผู้หญิงที่ดีมากและผู้ชายที่ดีมากเหมือนกัน ฉันว่ามันเป็นเรื่องของการเป็นมนุษย์คนหนึ่งมากกว่าคำถามที่ว่าพวกเขามีนมสองเต้าหรือไข่หนึ่งคู่
- พูดถึงเรื่องนม ช่วยเล่าถึงหน้าอกของโซเฟีย ลอเรนให้ฟังหน่อยสิคะ มันมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ทำไมถึงมีเรื่องของมันอยู่ในหนังสือได้
ซาทราพิ : สำหรับฉัน โซเฟียลอเรนเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก เธอสวยเหลือเชื่อ ไม่มีอะไรในตัวเธอเลยที่ธรรมดา เธอมีจมูกที่ไม่ธรรมดา ปากที่ไม่ธรรมดา และตาที่ไม่ธรรมดา หน้าอกของเธอใหญ่จนคุณไม่สามารถจินตนาการได้ ฉันคิดว่าถ้าพระเจ้าสร้างฉันขึ้นมาภายในสองวินาที ท่านก็คงใช้เวลาสองปีในการสรรสร้างโซเฟีย ลอเรน สำหรับฉัน เธอคือสัญลักษณ์ของความงามและความสำราญ ทุกวันนี้ ในฮอลลีวู้ด คุณต้องดูเหมือนแท่งไม้ ไม่เห็นจะเหมือนผู้หญิงเลยสักนิด โซเฟีย ลอเรนเป็นผู้หญิงแท้ๆ และเป็นผู้หญิงแบบที่ฉันชื่นชอบ จริงๆ แล้ว สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเราพูดว่า “หยิบโซเฟีย ลอเรนมาให้ฉัน หยิบพลัมมาให้หน่อย” ทุกครั้งที่เราทำไก่ใส่พลัม
- ในหนังสือเล่มนี้คุณมีคำบรรยายที่เยี่ยมยอดและกระตุ้นความรู้สึกในการสูบบุหรี่ ตัวละครตัวหนึ่งเรียกบุหรี่ว่า “อาหารสำหรับจิตวิญญาณ”
ซาทราพิ : บุหรี่เป็นอาหารสำหรับจิตวิญญาณ เมื่อคุณสูบบุหรี่ คุณสามารถมองดูตัวเองหายใจ ดูวิญญาณของคุณออกจากร่างและกลับเข้าร่าง เมื่อสองวันก่อน ฉันได้ไปพูดที่ร้านหนังสือบาร์นส์แอนด์โนเบิลในเชลซี ฉันบอกว่าฉันเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นเพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงของการสูบบุหรี่ ผู้ฟังหยุดหัวเราะ ผู้คนเต็มใจที่จะกินของห่วยๆ และดื่มน้ำที่ไม่สะอาด มลพิษต่างๆ ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขา แต่ทันทีที่คุณหยิบบุหรี่ออกมา พวกเขาก็จะทำท่าราวกับคุณกำลังจะฆ่าพวกเขา มันไม่จริงหรอก ของแย่ๆ ที่พวกเขาใส่ลงไปในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนต่างๆ หรือยาฆ่าแมลง รวมทั้งความเครียด สภาพความเป็นอยู่ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่กำลังฆ่าคุณ
- อะไรทำให้คุณอยากเขียนหนังสือเล่มนี้
ซาทราพิ : โดยทั่วไปแล้วฉันชอบพวกเรื่องรักๆ ใคร่ๆ และฉันก็ชอบเรื่องความตายด้วยเพราะฉันคิดว่าการที่พวกเราต้องตายเป็นความจริงที่น่าอดสู เราตายด้วยเหตุผลเดียวกันกับหนอนที่หนอนต้องตาย หรือแมวต้องตาย แต่แตกต่างกันตรงที่เรารู้อยู่แก่ใจ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังพูดถึงเรื่องความสุขเช่นกัน ตั้งแต่เรื่องโซเฟีย ลอเรน เรื่องการสูบบุหรี่ จนถึงเรื่องความรัก ทุกอย่างพรรณนั้น ทุกวันนี้เรากำลังอาศัยอยู่ในโลกที่ความคิดเรื่องความสุขถูกปฏิเสธ ทันทีที่คุณพูดว่าสูบบุหรี่ พวกเขาจะพูดว่ามะเร็ง คุณพูดว่ากิน พวกเขาจะพูดว่าคลอเรสเตอรอล คุณพูดถึงเซ็กซ์ พวกเขาจะพูดว่าเอดส์ แต่ทั้งนี้ก่อนที่จะเป็นเอดส์ มะเร็ง หรือมีคลอเรสเตอรอล คุณมีความสุขที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้น ฉันคิดว่าการไม่ยอมรับความสุขเป็นจุดเริ่มต้นของความบ้าคลั่งที่เราเห็นในปัจจุบัน ผู้คนท้อใจเพราะขาดความสุข ถ้าพวกเขามีความสุข ทำไมเขาถึงต้องฆ่าแกงผู้อื่นด้วยล่ะ เขาต้องไม่ทำสิ
- คุณคิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องระหว่างลัทธิเพียวริแทนของคนอเมริกันกับความบ้าคลั่งที่มีอยู่ในส่วนอื่นๆ บนโลกมั้ย
ซาทราพิ : แน่นอน ทุกรัฐที่นี่มีปัญหากับเซ็กซ์ พวกเขาไม่สอนเรื่องเซ็กซ์ในโรงเรียน เซ็กซ์ชอปเป็นสิ่งต้องห้าม แต่พวกเขากลับมีร้านค้าอาวุธแทน ทุกคนรู้ว่าอาวุธนั้นเป็นของต่อเนื่องมาจากจู๋ จู๋น่ะทำงานได้ดีมากด้วยตัวของมันเอง คุณไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธใดๆ ทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นฐานของความท้อแท้ ทุกศาสนามีพื้นฐานมาจากความท้อแท้ มันเป็นวิธีที่ดีที่จะควบคุมผู้คน คนที่มีความสนุกสนานจะมีวิญญาณที่ยิ่งใหญ่กว่า จิตใจที่เปิดกว้างกว่า และพวกเขาจะถูกควบคุมได้ยากกว่าคนที่ท้อแท้มากเสียจนต้องคอยทำตามลัทธิหนึ่งหรืออุดมการณ์หนึ่งเพื่ออยู่รอด
+++
สัมภาษณ์อื่นๆ
สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและเปิดดูตัวอย่างในหนังสือได้ที่ "เว็บไซต์สำนักพิมพ์กำมะหยี่"
No comments:
Post a Comment