Mar 3, 2009

สัมภาษณ์มาร์จอเน่ ซาทราพิ ผู้เขียน "เย็บถากปากร้าย"

การ์ตูนเรื่อง "Broderies" (Embroideries ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ และ "เย็บถากปากร้าย" ในภาคภาษาไทย)ผลงานของมาร์จอเน่ ซาทราพิ เป็นจดหมายรักที่ตลกลามก เป็นงานที่มีขอบข่ายเล็กกว่า เป็นส่วนตัวมากกว่า แพร์ซโพลิส ๑ และ ๒

ย้อนกลับสู่ประเทศอิหร่านบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ เรื่องราวเกิดขึ้นในยามบ่ายอันยาวนานวันหนึ่ง ซึ่งญาติๆ ฝ่ายหญิงของเธอกับเพื่อนๆ มาล้อมวงดื่มชาและพูดคุยกันในหัวข้อโปรด - เซ็กซ์

"เย็บถากปากร้าย" เป็นหนังสือการ์ตูนติดเรทที่มีคุณยาย คุณแม่และหลานๆ มาพูดคุยกันเกี่ยวกับการทำสาว ข้อดีของการเป็นเมียน้อยและคำถามเรื่องคุณค่าด้านความงามของอวัยวะเพศชาย ซาทราพิเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีการตอบโต้ของบรรดาหญิงผู้มีจิตใจมุ่งมั่น ทั้งที่แอบกระทำอยู่ลับๆ และทั้งการขบถอย่างเปิดเผย เพื่อต้านประเพณีและชายกักฬละ

Noy Thrupkaew สัมภาษณ์ผู้เขียนผ่านโทรศัพท์ และถอดความไว้ที่เว็บ www.nerve.com เนื่องในโอกาสที่เราเพิ่งออกหนังสือเล่มนี้มาสดๆ ร้อนๆ กำมะหยี่จึงนำแปลมาฝากแฟนๆ นักอ่านชาวไทย เพื่อจะได้รู้จักกับความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับหนังสือการ์ตูนเล่มนี้ และเรื่องพรรณนั้นในความคิดของเธอมากขึ้นค่ะ

ที่มาที่ไปของ "เย็บถากปากร้าย" เป็นอย่างไร

เย็บถากปากร้าย ออกวางแผงที่อเมริกา (และที่เมืองไทย) หลัง แพร์ซโพลิส ๑ และ ๒ แต่ฉันออกการ์ตูนเล่มนี้ที่ฝรั่งเศสคั่นระหว่างสองเล่มนั้น แพร์ซโพลิส เป็นเรื่องราวหนักๆ ฉันต้องทบทวนความทรงจำที่ไม่ค่อยจะน่าพิสมัยต่างๆ และมีความตั้งใจจะเล่าถึงประเทศของฉัน เพราะมีความเข้าใจผิดมากมาย ดังนั้นฉันจึงต้องการช่วงเวลาสำราญ เพื่อความสำราญล้วนๆ เลยเขียนเรื่องเกี่ยวกับยามบ่ายที่ฉันเคยใช้ร่วมกับผู้หญิงต่างรุ่นออกมา ฉันชอบเรื่องที่ผู้หญิงเหล่านั้นเล่าให้ฟังมาก ไม่รู้หรอกว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ได้สำคัญอะไร พวกเธอทำให้ฉันหัวเราะสนุกสนานเสียจนอยากจะเล่าต่อ

การที่ผู้หญิงใช้ประโยชน์จากการกีดกันทางเพศในอิหร่าน ซึ่งจริงๆ แล้วมักจะกดขี่ผู้หญิง ในการสร้างพื้นที่ที่ทรงอำนาจและเป็นส่วนตัวสำหรับตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก

มันเป็นอย่างนั้นมาตลอดล่ะค่ะ แม้แต่ก่อนการปฏิวัติอิสลาม เราเป็นประเทศที่อนุรักษ์นิยมมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาที่มีประเพณีที่เคร่งครัดขนาดนั้น การมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างสุดขั้นเป็นเรื่องธรรมดา ในสังคมแบบนั้น การพูดคุยระหว่างผู้หญิงเป็นพื้นที่แห่งอิสระเสรีภาพ เรื่องราวที่คุยกันไม่ได้นำเสนอมุมที่ใครๆ ชอบคิดกับเกี่ยวกับผู้หญิง เช่นว่า โอพระเจ้าช่วย พวกเธอต้องทนทรมานกันเหลือเกิน พวกเธอไม่ได้เป็นเหยื่อหรอกค่ะ และฉันคัดค้านเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ฉันเกลียดภาพแบบนั้น แม้แต่ในวันที่เลวร้ายที่สุดในช่วงปฏิวัติอิสลาม ฉันไม่เคยมองตัวเองเป็นเหยื่อ เรามีืทางเลือกที่จะทำอย่างอื่น สามารถทำอะไรอย่างอื่นในชีวิตควบคู่กันไปได้เสมอ

ชีวิตคู่ขนานที่ว่าดูเหมือนจะเป็นการพูดคุยช่วงเวลาน้ำชาเช่นนี้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนในโลก ผู้หญิงจะจับกลุ่มกันคุยเรื่องเซ็กซ์

ถูกต้องค่ะ ผู้ชายก็เหมือนกัน แต่ผู้หญิงจะลงลึกถึงรายละเอียดมากกว่า ผู้หญิงจะเล่าในทุกแง่ทุกมุม ทุกกระเบียดนิ้ว

จริงด้วย อย่างในหนังสือของคุณ พวกเธอพูดกันกระทั่งว่าอวัยวะเพศชายนั้นน่าเกลียด แล้วคุณล่ะคิดยังไงเกี่ยวกับอวัยวะเพศชาย ในฐานะที่เป็นศิลปิน

มันก็ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน ส่วนอื่นๆ ของร่างกายน่าวาดมากกว่า อวัยวะเพศชายไม่ขึ้นกล้อง ฉันว่า (หัวเราะ)

แล้วส่วนไหนของร่างกายที่ขึ้นกล้องกว่า

ฉันชอบหน้าอก ไหล่ คอ ส่วนที่ต่อขึ้นไปถึงหัว จริงๆ แล้วก้นสวยๆ ก็ไม่เลว แล้วก็ความต่อเนื่องของขา ความต่อเนื่องของลูกอัณฑะก็ไม่เท่าไหร่ หลังจากนั้นมีรูๆ นึง แล้วก็ไอ้ส่วนที่ห้อยๆ นั่น (หัวเราะ)

คุณเคยวาดก้นสวยๆ ที่โรงเรียนมั้ย

เคยสิคะ ที่โรงเรียนมีก้นเยอะเลย แต่ไม่ใช่โรงเรียนในอิหร่านหรอก ตอนที่ฉันไปโรงเรียนที่ฝรั่งเศส เราได้วาดรูปเปลือย แต่เวลาวาดรูป เราจะกลายเป็นเหมือนกับหมอ เรื่องพวกนี้ไม่มีนัยยะทางเพศหลงเหลืออีกต่อไป สิ่งที่อยู่ในหัวคือเรื่องของรูปร่างและอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย

ถ้าคุณมีความรู้สึกเหมือนการตัดขาดแบบนั้น แล้วคุณจะวาดรูปที่มีความเย้ายวนเร้าอารมณ์ทางเพศได้อย่างไร

จริงๆ แล้ว ฉันไม่เคยวาดอะไรที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ยกเว้นรูปๆ หนึ่งที่ฉันวาดในหนังสือเล่มล่าสุด ฉันออกจะเป็นคนขี้อายในเรื่องแบบนี้ สำหรับฉัน คำพูดก็เหมือนกับอากาศธาตุ ฉันพูด จู๋จู๋จู๋ ได้โดยไม่กระดากปาก แต่เวลาวาดรูป มันจะเกิดเป็นตัวตนจับต้องได้มากกว่า การพูดเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันเติบโตมากับการเลี้ยงดูของยายที่คำพวกนี้เป็นคำธรรมดาสามัญเหมือนสวัสดี - ลาก่อน ถึงแม้ท่านจะไม่เคยอ่านทฤษฎีของฟรอยด์ แต่ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ เพราะอย่างนี้ ยายของฉันจึงเป็นตัวละครศูนย์กลางของเรื่อง ท่านเป็นคนที่ชอบเรื่องพรรณนี้ที่สุด ตอนนั้นท่านอายุประมาณเจ็ดสิบแปด และเป็นคนที่หัวเราะมากที่สุด ฉันต้องการแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงทุกวัยสนใจเรื่องเซ็กซ์ ต่างจากในยุโรปที่ผู้คนสนใจเรื่องเพศแค่เพียงถึงอายุสี่สิบห้า หลังจากนั้นการพูดเรื่องเพศกับคนแก่แทบจะเป็นเหมือนการทำบาป

ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น

ในสังคมตะวันตก ผู้คนไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเรื่องการตาย สังคมนั้นไฮเทคมาก - เราจึงไม่ควรตาย แต่เราก็ยังตายกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการเห็นกระบวนการที่นำไปสู่การตายและความเจ็บปวดก่อนจะถึงจุดนั้น พวกเขาส่งคนแก่ไปอยู่บ้านคนชรา พอเข้าไปแล้วก็หายสาบสูญไปเลย ฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นลักษณะเฉพาะของสังคมตะวันตก ไหนจะเรื่องการผ่าตัดเสริมความงามทั้งหลายแหล่ ทุกคนอยากจะดูหนุ่มสาว ฉันล่ะสะอิดสะเอียนจริงๆ การไม่ยอมรับว่าตนเองกำลังแก่เป็นการไม่ยอมรับว่าตนเองกำลังจะตาย ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นมนุษย์

ส่วนพวกคนหนุ่มสาว ตามรายงานข่าวต่างๆ มักจะพูดถึงวัยรุ่นที่ก่ออาชญากรรม สังคมที่กลัววัยรุ่นและทอดทิ้งคนแก่เป็นสังคมที่ไม่ต้องการมองย้อนกลับไปดูอดีตและกลัวอนาคต ทุกๆ สองวินาที เราจะได้ยินว่า ถ้าเราไม่ร่วมรักกับสามีหรือแฟนห้าครั้งต่ออาทิตย์ ถือว่าจบเห่ แต่พออายุมากในระดับหนึ่ง มันกลายเป็นเรื่องวิตถาร คนเรามีความต้องการทางเพศกันทั้งนั้นล่ะ แน่ล่ะว่าคุณไม่สามารถร่วมรักได้เหมือนเมื่อก่อนเวลาที่คุณอายุหกสิบหรือเจ็ดสิบ แต่คุณก็ยังไม่ได้ตายเสียหน่อย


การร่วมเพศในหมู่คนแก่เป็นที่่ยอมรับมากกว่าในอิหร่านอย่างนั้นหรือ

ในอิหร่าน เซ็กซ์ไม่ได้ถือเป็นเรื่องเลวร้าย ผู้หญิงสามารถบ่นได้ถ้าผู้ชายไม่ทำให้เธอมีความสุข ถ้าคุณได้อ่านพันหนึ่งราตรีฉบับดั้งเดิม คุณจะเห็นว่ามีการเอากันทั้งเล่ม ฉันหมายถึงมันก็ยังมีหัวขโมยกับพรมเหาะและอะไรอื่นๆ อยู่นั่นแหละ แต่โดยพื้นฐานแล้วมันมีเซ็กซ์อยู่เต็มไปหมด

ผู้คนคงแปลกใจที่ได้ยินว่าอิหร่านอาจจะเป็นประเทศที่มีความคิดก้าวหน้าเกี่ยวกับเรื่องเพศ

ในอิหร่าน คุณไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อซื้อยาคุม และมันราคาถูกมาก ความคิดเรื่องการทำแท้งไม่ได้เป็นความรู้สึกผิดเสียเท่าไหร่ แม้ว่ากฎหมายจะไม่อนุญาตให้ทำ เพื่อนของแม่ฉันทุกคนเคยทำแท้ง เพื่อนฉันหลายคนก็เคยทำ

จะอย่างไรก็เห็นได้ชัดในหนังสือของคุณว่าทางเลือกและความสุขสมของผู้หญิงเกิดขึ้นพร้อมๆ กับปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจและการควบคุมเรื่องเพศของรัฐบาล

ใช่แล้วค่ะ วันที่เราพูดได้ว่าเราเป็นชาติศิวิไลคือวันที่ผู้หญิงสามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศเหมือนพวกพวกผู้ชาย หากคนเราสามารถได้รับความพึงพอใจดุจเดียวกัน เราจะสามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดในระดับเดียวกันได้เช่นกัน

หนังสือของคุณมีลักษณะเป็นสากล แต่ก็มีการผสานพื้นฐานสังคมของอิหร่านกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศในประเทศเอาไว้ด้วย ไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายในอุดมคติของอิหร่านเป็นอย่างไร

มันเริ่มเกิดขึ้นแล้วค่ะ เมื่อยี่สิบปีก่อน ไม่เคยมีใครคิดว่าหญิงสาวจะอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีพ่อแม่หรือแฟนได้ แต่ตอนนี้ ฉันรู้จักคนที่ทำอย่างนั้น สองในสามของนักศึกษาอิหร่านเป็นผู้หญิง นั่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไป เมื่อก่อนผู้หญิงจะไม่ได้รับการศึกษา ผู้หญิงมีสิทธิทุกอย่าง แต่คุณจะใช้สิทธิได้ยังไงถ้าคุณต้องอยู่กับผู้ชายคนเดิมสิบห้าปีและไม่มีการศึกษา ไม่มีงานทำ ต้องอยู่กับคนที่ไม่อยากอยู่ด้วยเพราะต้องใช้เงินของเขา แต่ทุกวันนี้ผู้หญิงมีการศึกษาและมีงานทำ และภายในยี่สิบปี เมื่อกฎหมายเปลี่ยน ไม่เพียงแต่เราจะมีกฎหมายใหม่แต่เราจะสามารถใช้มันได้ เพราะเรามีทุกอย่างที่เราต้องมีไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพหรือการศึกษา สำหรับฉันการศึกษาเป็นกุญแจสำคัญทั้งในเรื่องเซ็กซ์ เรื่องความคิดความอ่านและด้านอาชีพการงาน

แต่ดูเหมือนผู้หญิงในหนังสือของคุณก็ให้ความสำคัญเรื่องความสวยความงามเพื่อดึงดูดใจเหมือนกัน

แน่ล่ะค่ะ ฉันก็ด้วย พระเจ้ามอบหน้าอกสวยๆ ให้ฉันโชว์ ฉันจึงเด่นสะดุดตา ไม่อย่างนั้นพระเจ้าจะให้ฉันมาทำไม ผู้ชายทุกคนชอบมอง และส่วนตัวฉันเอง ฉันก็ชอบมองก้นสวยๆ ขอผู้ชาย ก้นงามๆ ดูแล้วน่ารักดีจะตายไม่ใช่เหรอ พระเจ้าสร้างมันขึ้นมา และพระเจ้ามอบดวงตาให้ฉัน ฉันก็มองสิ (หัวเราะ) ดีออก


เห็นด้วยอย่างยิ่ง ขอบคุณนะมาร์จอเน่

ขอบคุณเช่นกันค่ะ รู้มั้ย การพูดคุยเกี่ยวกับเซ็กซ์และน้องจิ๋มน่ะเป็นความสำราญของฉันเสมอ

No comments: