ส่วนหนึ่งของสกู๊ปพิเศษ “บทสัมภาษณ์ มุราคามิ ฮารุกิ ขนาดยาว”คังกาเอรุ ฮิโตะ (thinker)(นิตยสารราย 3 เดือน) ฉบับฤดูร้อน ปี 2010 (วางขายเดือนสิงหาคม)
ผู้สัมภาษณ์ มาซาชิ มัตสึอิเอะ หัวหน้ากองบรรณาธิการ คังกาเอรุ ฮิโตะ ใช้เวลาสัมภาษณ์ถึง 3 วัน !!!
ขอขอบคุณมุทิตา พานิช ผู้มีน้ำใจแปลมาฝากแฟนๆ ชาวไทยของเฮียมูมา ณ ที่นี้ค่ะ
(คลิกไปอ่าน ความเดิมก่อนหน้านี้ได้ >> ที่นี่ค่ะ)
(คลิกไปอ่าน ความเดิมก่อนหน้านี้ได้ >> ที่นี่ค่ะ)
วงจรที่ปิดตาย (ต่อ)
--- มีบางคนมองว่า ‘1Q84’ ประสบความสำเร็จบนพื้นฐานของ ‘underground’ และ ‘ณ สถานที่นัดพบ’ (1998) ซึ่งเป็นงานของคุณ คุณคิดอย่างไร
มุราคามิ “ซาคิงาเขะ” ซึ่งเป็นลัทธิศาสนาใหม่ เป็นแกนกลางในฉากของเรื่องในระดับหนึ่ง จึงช่วยไม่ได้ที่ทางสื่อจะนำไปเปรียบว่าเขียนโดยมีโอมฯเป็นแบบ แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นองค์ประกอบสำคัญนักในนิยาย
สิ่งที่ผมหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นเป็นเรื่องภายในมากกว่านั้น เรื่องของสภาพทางจิตใจที่คดีโอมฯทำให้เกิดขึ้น หรือที่คดีโอมฯเป็นตัวนำพามา สภาพจิตใจแบบ pre-โอม post-โอม สิ่งที่เป็นเหมือนความมืดมัวที่หลบซ่อนอยู่ในพวกเราแต่ละคน สิ่งที่ผมอยากหยิบยกเป็นประเด็นคือสิ่งนี้
--- หากมองคดีโอมฯในโลกของสื่อ มีการวาดแผนภาพเพียงว่าโอมฯเป็นสิ่งชั่วร้าย คนดีๆถูกฆ่าตายโดยไร้เหตุผล คิดว่าบทบาทของสื่อก็เป็นอย่างนั้น แต่พอลงลึกเข้าไปในความชั่วร้าย ก็จะมองเห็นว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นใช่ไหม
มุราคามิ นั่นสิ ความดีเลวไม่ใช่มโนคติแบบสัมบูรณ์ เป็นแค่มโนคติแบบสัมพัทธ์ บางกรณีสลับสับเปลี่ยนกันอย่างหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็มี เพราะฉะนั้นแทนที่จะมายืนยันกันว่าอะไรคือความดีอะไรคือความเลว ปัจเจกแต่ละคนต้องยืนยันให้ได้ว่าในแต่ละกรณี สิ่งที่ “บังคับควบคุม” พวกเราอยู่ในตอนนี้ เป็นสิ่งที่ดีหรือเลวกันแน่ การทำอย่างนั้นจะโดดเดี่ยวมาก และบีบคั้นจิตใจมากทีเดียว ก่อนอื่นต้องรู้ให้ได้ว่าตนกำลังถูกบังคับควบคุมในเรื่องอะไร
อีกประเด็นหนึ่ง ระบบนั้นไม่ว่าจะเป็นระบบแบบไหน แทบทุกกรณีจะไม่ยอมรับการตัดสินใจอย่างเป็นปัจเจกโดยปัจเจก ตัวอย่างกรณีนายอะซาฮาระ (เจ้าลัทธิโอมชินริเคียว) เวลาเขาจะบังคับควบคุมคนในองค์การสักอย่าง ก่อนอื่นจะต้องฝึกให้ปัจเจกแต่ละคนไม่สามารถตัดสินใจเองได้ พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าความศรัทธาอย่างสมบูรณ์ ผมเรียกสิ่งนี้ว่า “closed circuit” ปิด circuit เสียไม่ให้ออกไป แล้วให้วิ่งไปตามการตัดสินจากเบื้องบนเหมือนกับหนู พอเจอแบบนั้นคนเราก็จะสูญเสียความรู้สึกเรื่องทิศทาง ถูกต้อนเข้าไปอยู่ในสภาพที่ตัดสินไม่ได้แม้กระทั่งว่า พลังที่บังคับควบคุมตนอยู่เป็นสิ่งดีหรือเลวกันแน่
นายอะซาฮาระไปเรียนรู้เรื่องระบบอย่างนั้นมาจากไหน เขาเรียนรู้จากอำนาจรัฐ นาซีใช้การศึกษาทางอุดมการณ์อย่างเข้มข้น ทำให้ circuit กลายเป็นระบบปิด แล้วยัดเยียดคำสั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวลงมาจากเบื้องบน
คนที่ชื่อไอชมันน์(คลิกไปดูรายละเอียด)คงไม่ได้ดีและไม่ได้เลว เพียงแต่เขาเป็นข้าราชการที่มีความสามารถ ทำงานที่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนได้อย่างมีประสิทธิภาพและจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างเรียบร้อย สำหรับเขา เขาไม่มีมาตรฐานในการตัดสินว่าเนื้อหาของคำสั่งเป็นสิ่งดีหรือเลว และไม่คิดจะทำเช่นนั้นด้วย ดังนั้น หลังสงคราม เมื่อเขาถูกจับและถูกพิพากษาโทษประหารชีวิตที่อิสราเอล เขาจึงไม่สามารถทำความเข้าใจความหมายนั้นได้เลย ผมดูภาพยนตร์ที่บันทึกเรื่องราวนี้ไว้หลายเรื่อง ตัวเขาเองไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนจึงต้องรับโทษประหารชีวิต
การปิดกั้นทางความคิดเช่นนี้ ลองคิดดูแล้วน่ากลัวจริงๆ โดยเฉพาะในสังคมอินเตอร์เน็ตที่ข้อมูลมีมากจนล้นอย่างในปัจจุบัน เรายิ่งไม่รู้มากขึ้นเรื่อยๆว่าตอนนี้เรากำลังถูกบังคับควบคุมโดยอะไร แม้กระทั่งเรื่องที่เราคิดว่าเราทำด้วยความตั้งใจของตัวเอง แต่ที่จริงแล้วอาจถูกบังคับควบคุมโดยข้อมูลบางอย่างโดยที่เราไม่รู้ตัว
(ตอนต่อ >>อาโอมาเมะ เท็งโกะ กับวงจรที่ปิดตาย)
(ภาพประกอบเป็นภาพประกอบการสัมภาษณ์ครั้งนี้จากนิตยสาร thinker ญี่ปุ่น)
No comments:
Post a Comment